รีวิวหนัง Samaritan เมื่อคุณปู่แรมโบ้ อยากอัปเกรดเป็นซูเปอร์ฮีโร่สุดแกร่งดูบ้าง

รีวิว หนังแอ็คชั่น

Samaritan เกิดเรื่องราวของ แซม เด็กผู้ชายวัย 13 ปี ที่กำลังหมกมุ่นอยู่กับการหาตัวตนของซูเปอร์วีรบุรุษของเมืองแกรนิตสิตี้

ที่ถูกกล่าวขวัญถัดมากันยาวนานหลายปี อย่าง ซามาริทัน รวมทั้งเมื่อเขาได้พิจารณาแล้วก็เก็บแนวความคิดต่างๆก็พบว่า โจ สมิธ คนเก็บขยะวัยสูงอายุบ้านพักอยู่อะพาร์ตเมนต์ฝั่งตรงข้าม อยู่ในข่ายที่ทำให้แซมสงสัยว่าเขาคนนี้จะเป็นวีรบุรุษที่หายสาบสูญไปภายหลังเหตุการสิ้นไปเมื่อ 20 กว่าปีกลาย และก็ตอนนี้เมืองที่เริ่มเน่าเฟอะด้วยอาชญากรรมมากขึ้นแต่ละวันๆมันยิ่งส่งเสริมทำให้แซมมีแพสชั่นที่ต้องการจะปลุกพลังให้ ซามาริทัน กลับมาผงาดและก็จัดเตรียมเมืองนี้ให้สะอาดน่าอยู่เพิ่มขึ้น

นี่เป็นผลงานหนังชิ้นปัจจุบันของผู้กำกับชายหนุ่มไฟแรง “จูเลียส เอเวอปรี่” ที่เพิ่งจะแจ้งกำเนิดไปได้สวยงามกับหนังปังๆอย่าง Overlord เมื่อไปอีกปีกลาย ตอนนี้เขาได้มาจับจับทำหนังวีรบุรุษดูบ้าง แม้ว่าจะไม่ใช่หนังในจักรวาลซูเปอร์วีรบุรุษที่เปรี้ยงปังอยู่เดี๋ยวนี้ แม้กระนั้นก็ถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มที่ท้าของเขา รวมทั้งผลงานหัวข้อนี้เขาก็ทำออกมาได้ออกจะถูกใจในระดับหนึ่ง จัดว่าถ่ายทอดวิสัยทัศน์แล้วก็ใส่ลายเส้นความเป็นหนังแอคชั่นที่มีโทนหนักแน่นเด็ดขาดเข้าไปเป็นเอกลักษณ์ได้อยู่ ถึงหลายๆส่วนประกอบในนี้จะยังขาดหายไปพอเหมาะพอควรก็ตาม

รีวิวหนัง คู่กรรม

หนังประเด็นนี้ได้ “บรากี เอฟ. ชุต” มือเขียนบทมือแม่น ที่ก็พึ่งจะแจ้งเกิดขึ้นมาจากหนังชุด Escape Room ทั้งยัง 2 ภาคก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา ก็นับว่างานบทหนังของเขาออกมาได้ระดับที่ใช้ได้ ถึงบทแล้วก็เนื้อหาต่างๆจะออกจะตื้นไปสักนิด แต่ว่าการออกแบบรวมทั้งจับโยงประเด็ดนั้นเงื่อนโน่นเข้ามาใส่เอาไว้ร่วมกัน แทบจะทำออกมาเจริญ แค่เพียงยังคงไร้ซึ่งเสน่ห์ที่ยังไม่ค่อยสามารถทำให้นักแสดงต่างๆสะดุดตาขึ้นมาได้อย่างแจ่มชัดนัก แปลงเป็นบทหนังวีรบุรุษแบบง่ายๆเรื่อยแทบจะไม่มีอะไรเป็นลักษณะเด่นเลยเสียแล้ว

เป็นเอาจริงเอาจังๆถ้าเกิดให้ว่าตามตรงและก็จำเป็นต้องขอจับมาเปรียบเทียบกับจักรวาลหนังซูเปอร์วีรบุรุษในตอนนี้ Samaritan ก็ถือหนังวีรบุรุษที่นำเอาส่วนประกอบเด่นๆของหนังจากทางฝั่งมาร์เวลแล้วก็ดีซีมายำรวมผสมกันเป็นหม้อเดียว ที่รสบางครั้งอาจจะฝาดๆไม่ค่อยอร่อยถึงทรวงสักเท่าไหร่ แม้กระนั้นก็มองเห็นถึงกิมไม่กแล้วก็ความพากเพียรอย่างดีเยี่ยม หนังใส่โทนความดาร์กแล้วก็ดราม่าสไตล์หนังฝั่งดีซีเข้าไป มีการใช้เงื่อนอาชญากรรมหม่นหมองๆกับบรรยากาศอึมครึมเข้าไปใช้

รีวิวหนัง ความรัก

ในเวลาเดียวกันนั้น ก็จับเอาความสะดุดตาของวีรบุรุษบางตัวจากฝั่งมาร์เวลเข้าไปเป็นส่วนประกอบเสริมต่างๆให้กับนักแสดงซูเปอร์วีรบุรุษของหนัง ทั้งยังพื้นเพรวมทั้งพลังเหนือมนุษย์ต่างๆรวมถึงลีลาท่าทางการต่อสู้และก็อาวุธข้างกาย ก็แอบจะได้แรงจูงใจแล้วก็ใช้จินตนาการสำหรับในการประกอบรวมร่างกันเข้าไป พิจารณาออกมาเป็นวีรบุรุษที่ชื่อ ซามาริทัน ที่ถึงจะเสียดายที่หนังเรื่องนี้่นั้น พวกเรากลับยังไม่ทันได้ได้โอกาสได้ทำความรู้จักแล้วก็รู้จักมักคุ้นกับการเป็นตัวเขาผู้นี้สักเท่าไหร่ เพราะเหตุใดๆก็มองล้นและก็ค่อยค่อยงไปหมด

แน่ๆว่าอีกหนึ่งจุดอ่อนของ Samaritan ก็คงเป็นจังหวะการเล่าเรื่องที่ยังออกจะไม่มีเสน่ห์ไป หนังมีโทนความเป็นอาชญากรรมที่เพิ่มเติมใส่ร้ายเป็นเด็กเข้าไปผสม มันก็เลยกลายเป็นหนังที่คอนทราสกันเบาๆระหว่างส่วนประกอบคุ้นเคย ในเวลาเดียวกันนั้น โทนการเล่าเรื่องก็เกือบจะราบเรียบ ไม่มีแผนภูมิขึ้นลงให้รู้สึกตื่นเต้นได้มากแค่ไหน เดินเรื่องผ่านไปแทบจะเป็นชั่วโมง ก็ยังคงให้ความรู้ความเข้าใจสึกว่าหนังยังคงเล่าปูทางเกริ่นยังไม่จบ ทั้งๆที่ดำเนินเวลาผ่านไปกว่าครึ่งแล้ว และก็เมื่อถึงจุดไคลแมกซ์ของเรื่อง อะไรๆมันก็ตามเป็นสูตรสำเร็จที่รวบรัดตัดตอนอย่างยิ่ง ยังไม่ทำให้เกิดความรู้สึกดูดซึมอะไรสักเท่าไหร่

ส่วนทางด้านการแสดงนั้น อันนี้มิได้น่าห่วงอะไรเยอะแค่ไหนนัก สิลเวสเตอร์ สตอลโลน ก็คือ สิลเวสเตอร์ สตอลโลน แต่ว่าประเด็นนี้เขาก็อุตสาหะที่จะสลัดภาพคนแข็งแบบเดิมๆออกไป รวมทั้งนับว่าเขาก็ทำเป็นค่อนข้างจะประสบผลสำเร็จในระดับหนึ่ง ถึงจะมีกลิ่นความเป็นร็อกกี้รวมทั้งแรมโบ้ติดมาอยู่นิดนึง แต่ว่าอย่างต่ำๆการออกแบบการแสดงของเขาที่ใช้ดราม่าเข้ามาเสริมนั้น ก็แอบทำให้ผู้ชมจำเขาในหน้าที่ใหม่ที่เป็น ซามาริทัน นั่นเอง