รีวิว Spriggan ปลุกชีพมังงะยุค 90 ด้วยแอ็กชั่นสุดมันส์ที่อิงกับตำนานโบราณในโลกจริง

สปริกกัน (Spriggan) อนิเมะ Netflix จากการ์ตูนเก่าระดับตำนานในสมัย 1990 ที่แต่งโดยฮิโรชิ ทาติดอยู่ชิเงะ แล้วก็วาดรูปประกอบโดยเรียวจิ มินากาวะ

(เผยแพร่โดย “Shonen Sunday Comics” สถานที่พิมพ์โชงะกุกัง) เรื่องราวของ โอมิท้องนาเอะ ยู ข้าราชการสปริกกันของอาร์คัม ที่รอตามล่าแล้วก็ปิดผนึกวัตถุโบราณจากอารยธรรมดั้งเดิมมีขุมพลังอันตรายแอบซ่อนอยู่ เพื่อไม่ให้คนใดกันแน่ใช้ประโยชน์ในทางที่ไม่ถูกจนกระทั่งเป็นผลร้ายหายนะกับมนุษยชาติ

นับว่าเป็นความพากเพียรปลุกชีพมังงะเก่าขึ้นมาใหม่ได้เสร็จ ตัวเรื่องดูกระชับสนุกสนานสนุกกับฉากแอ็กชั่นที่อัดกันเข้ามาโครมๆแทบจะตลอดระยะเวลา และจากนั้นก็ยังบันเทิงใจตรงไอเดียการนำเรื่องเล่าโบราณมาแปลความใหม่ให้มองเป็นวิทยาการทันสมัย ที่ใช้ได้ทั้งยังประดิษฐ์รวมทั้งทำลายแบบดาบสองคม ซึ่งเป็นจุดขายของเรื่องเลยว่าแต่ว่าละตอนจะนำผู้ชมไปพบกับสิ่งพิลึกอัศจรรย์ได้เพียงใด อาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีความน่าดึงดูดใจแตกต่างกันอยู่บ้าง แต่ว่ารวมๆก็สนุกสนานแล้วก็ทำเป็นน่าดึงดูดทุกตอนนะครับ

รีวิวหนังวันสุดท้ายก่อนบายเธอ

ในอดีตกาลเคยมีอารยธรรมอันยิ่งใหญ่บนโลกมนุษย์ พ่อลุ่มนี้มีองค์วิชาความรู้รวมทั้งวิทยาการทางด้านวิทยาศาสตร์ที่ก้าวล้ำมากกว่ามนุษยชาติในขณะนี้ แล้วก็เศษซากอารยธรรมโบราณนี้ยังคงซุกซ่อนกระจัดกระจายอยู่ทั่วทั้งโลกในยุคนี้ ภายหลังจากโครงข่ายทางด้านที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสารขยายครอบคลุมไปทั่วทั้งโลกแล้วก็ดาวเทียมสืบสามารถเปิดเผยความลับทุกสิ่งได้ กองทัพของชาติมหาอำนาจในโลกก็เข้าปะทะกันในขณะค้นหาแล้วก็ศึกษาวิจัยวัตถุโบราณกลุ่มนี้ ซึ่งเป็น “”ขุมพลัง”” พรั่งพร้อมเกินกว่าจะราวๆได้ ใครสักคนจากอารยธรรมโบราณนี้จารึกใจความไว้ว่า “”ควรคุ้มครองปกป้องวัตถุของพวกเราจากคนอัลธพาล”” หน่วยงานแห่งหนึ่งถือมั่นใจความนี้อย่างเอาจริงเอาจังรวมทั้งเพียรพยายามปกปิดอารยธรรมโบราณให้หายไปชั่วกับชั่วกัลป์ สายชั้นนำจากหน่วยงานนี้มีชื่อเรียกชื่อว่า “สปริกกัน”

อนิเมะจากมังงะระดับตำนานเมื่อ 30 ปีกลายที่เคยถูกเอามาผลิตเมื่อปี 1998 เป็นฉบับหนังโรง แล้วหลังจากนั้นก็เว้นตอนห่างไปนานจนกระทั่งคนรุ่นใหม่คงจะไม่รู้หัวข้อนี้แล้ว ซึ่ง Netflix ก็ปลุกชีพกลับมาทำใหม่ มีการเปลี่ยนแปลงลำดับเรื่อง โลกในเรื่องให้ล้ำยุคกับเดี๋ยวนี้ อย่างการมีการใช้สมาร์ทโฟน แล้วหลังจากนั้นก็เครื่องไม้เครื่องมือใหม่ๆเข้ามา ทำให้หัวข้อนี้มองล้ำยุคไม่ว่าแฟนรุ่นก่อนหรือแบบใหม่มองก็ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเรื่องตกสมัยอะไร

ตัวเรื่องฤดูกาลแรกมี 6 ตอน จบในตอนแยกขาดจากกันเกือบ 100% (มีเชื่อมบางจุดไว้หละหลวมๆ) ตอนละ 40 กว่านาหน แต่ละตอนก็เกิดเรื่องราวของวัตถุโบราณที่ถูกเรียกว่าโอพาร์ท 1 อย่าง ที่โดยมากก็มีอ้างอิงจากตำนานโบราณหรือวัตถุโบราณจริงๆในโลก อย่างเรือโนอาห์ กระโหลกคริสตัล ยาอายุวัฒนะ ป่าจำเป็นต้องสาป สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า แต่ว่าคนเขียนประเด็นนี้จะดัดแปลงแก้ไขตำนานพวกนั้นให้เปลี่ยนเป็นเรื่องเทคโนโลยีโบราณที่นำสมัยกว่าเดี๋ยวนี้ ที่คนรุ่นก่อนในสมัยนั้นสร้างไว้เพื่อบางอย่างอีกทั้งประดิษฐ์และก็เผาผลาญในครั้งเดียวกัน โดยมีศัตรูเป็นพวกหน่วยงานต่างๆในโลกที่มีจริงส่วนหนึ่งส่วนใด CIA กองทัพอเมริกัน รัสเซีย ทหารรับจ้าง กับที่แต่งขึ้นมาอย่างพวกกรุ๊ปนีโอทุ่งนาซี ที่อยากได้วัตถุเหล่านี้ไปใช้ในแนวทางที่ไม่เหมาะสม หรือเปล่าตัววัตถุโบราณนั้นก็เปลี่ยนเป็นอาวุธมีชีวิตจากโลกสมัยเก่าที่ตื่นมาเผาผลาญอีกรอบ ทำให้ดารานำชายจะต้องอีกทั้งยับยั้ง ทำลาย นำกลับมาปิดผนึก โดยไม่มีเรื่องของเงินมาเกี่ยวพัน

[เปิด Netflix มารีวิว] Afterlife of the Party ถึงตายแล้วก็ต้อง Move On

แคสซี่ (วิคตอเรีย จัสติซ) สาววัยรุ่น สุดเดิ้นที่กำลังจะเข้าช่วงอายุวัยยี่สิบห้าในอีกไม่กี่วัน คุณแล้วก็คู่หูอย่างลิซ่า (มิโดรี ฟรานซิส) ตกลงใจเดินทางไปท่องเที่ยวค่ำคืนกันอย่างเต็มที่

ติดตรงที่ว่าภายหลังความเพลิดเพลินของสองเพื่อนรัก ดันแปลงเป็นการวิวาทกันอย่างหนัก เช้าตรู่วันพรุ่งนี้แคสซี่ที่ยังไม่หายเมาดีนัก คุณเกิดอุบัติเหตุล้มหัวฟาดพื้นตายในสุขา ก่อนจะฟื้นอีกรอบในห้องเช่าสุดโมเดิร์นและก็ได้เจอกับวาล (โรบิน สก็อตต์) สาวอวบที่อ้างตัวว่าคุณเป็นนางอัปสรแม่ที่รัก ผู้เป็นคนให้คำปรึกษาในตอนที่คุณจะเปลี่ยนแปลงผ่านจากโลกมนุษย์ไปสู่โลกภูเขามิถัดไป

ข้อแย้งมีอยู่ว่าแคสซี่ได้โอกาสครั้งที่ 2 ที่จะกลับไปยังโลกมนุษย์เพื่อสะสางเรื่องราวที่ยังคงค้างคาและไม่ได้รับการปรับแก้ตอนคุณมีชีวิต โดยรายนาม 3 ผู้ที่คุณจะต้องกลับไปคลี่คลายประกอบไปด้วยลิซ่า บิดา แล้วก็แม่ของคุณที่เลิกร้างกันไปเมื่อก่อน โดยมีเวลาเพียงเพียงแต่ 5 วันก่อน แคสซี่จะถูก “เบื้องบน” วินิจฉัยว่าโลกภูเขามิถัดไปสำหรับแคสซี่เป็นแดนนรกหรือสรวงสวรรค์

 

Afterlife of the Party เป็นหนังแนวขำขันที่ถือเอาหลักสำคัญจังหวะครั้งที่ 2 ในชีวิตเพื่อปรับแต่งสิ่งที่เคยทำผิดพลาดไป ตลอดทางของหนัง พวกเราจะได้มองเห็นความข้องเกี่ยวนานัปการต้นแบบไม่ว่าจะเป็น ระหว่างเพื่อนซี้ที่ไลฟ์สไตล์อะไรบางอย่างบางทีอาจจะขัดแย้งรวมทั้งเมื่อสิ่งพวกนั้นไม่เคยได้เสวนาทำความเข้าใจซึ่งกันและกันอย่างเข้าอกรู้เรื่อง ในที่สุดสิ่งกลุ่มนี้บางทีก็อาจจะสามารถทำให้เกิดปัญหาค้างคายืดยาวไม่รู้จักจบสิ้นได้

การสูญเสียอย่างปุ๊บปั๊บรวมทั้งรวดเร็วทันใจมีผลเสียต่อชีวิตคนใกล้แบบอย่างโฮวี่ (อดัม การ์เซีย) ป๋าอาจารย์เปิดสตูดิโอสอนโยคะ ผู้ทอดทิ้งชีวิตและก็ดักดานอยู่กับความหม่นหมองทุกข์ใจเนื่องจากการจากไปของบุตรสาว กระทั่งแคสซี่ต้องหาทางให้บิดาของตนเองกลับไป “ดำรงชีวิต” แบบเดิมให้ได้ รวมถึงการให้โอกาสให้ตัวของคุณเองได้ไปพบกับแม่ผู้ห่างเหินภายหลังจากแยกทางกับบิดาไปตั้งแต่คุณยังเด็ก เพื่อทำความเข้าใจทำความเข้าใจว่า เพราะเหตุใดแม่ก็เลยตกลงใจทิ้งคุณไปเพื่อไปเริ่มชีวิตใหม่

รีวิว Blasted หนังไซไฟทุนต่ำที่สร้างออกมาแบบมักง่ายสุดๆ จาก Netflix

Blasted หนัง Netflix จากประเทศนอร์เวย์ แนวไซไฟคอมเมดี้ ลำดับที่สองชายหนุ่มกลุ่มปืนเลเซอร์เพนท์บอลไปพบพบเอเลี่ยนที่ลือกันในป่า ก่อนที่จะบุกตะลุยป่าดงเอเลี่ยนด้วยปืนเลเซอร์เกม

หนังเกรด C โลวคลาสมากมายๆด้วยพล็อตห่วยแตกๆตัวเรื่องไม่สมเหตุผล มานะจะขบขัน แต่ว่าออกแนวโง่เขลาเบาปัญญาปัญญาอ่อนมากยิ่งกว่า ผ่านได้ผ่านเลย นี่เป็นหนัง Netflix ที่มากกว่าไม่ดี แต่ว่าถ้าเกิดคุณจะมองเพียงแค่ฆ่าเวลาก็เปิดได้น่าฟังมีบรรยายไทยมาให้พร้อมนะครับ

อีกหนึ่งหนังเกรดบีทุนต่ำสุดๆของ Netflix ที่ยังขยันทำออกมาสม่ำเสมอ ซึ่งในเกรดบีของโรงหนังนี่อาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีความคิดดีๆประหลาดแต่งบน้อยเลยทำออกมาตามภาวะที่จำกัด แต่ว่ากับเกรดบีของเน็ตฟลิกซ์นี่ราวกับตรงกันข้าม เป็นหนังที่ทำออกมาโดยไม่มีเค้าโครงเรื่องหรือไอเดียอะไรใหม่เลย เพียงแค่มีทุนมาให้ทำก็ทำส่งๆไป ทำให้ผลงานในอินเตอร์เน็ตฟลิกซ์แปลงเป็นหนังคุณภาพไม่ดีมากมายๆกระทั่งจริงๆคงจะใช้คำว่าเกรด C ของเน็ตฟลิกซ์แทนคงจะดียิ่งกว่า ซึ่งหัวข้อนี้ก็อยู่ในชนิดนี้แหละครับผม

รีวิวหนัง กาลครั้งหนึ่งรักของเรา

หนังวางมาเป็นแถวขบขันก็จริง แม้กระนั้นเรื่องกลับไม่มีอะไรให้ขำเลยนิดหน่อย ไม่มีเสียงหัวเราะออกมาได้แน่นอนเพราะเหตุว่ามันไม่มีอะไรให้ขบขัน เว้นแต่ความปัญญาอ่อนของเรื่องตั้งแต่พล็อตสองคู่คิดที่ถูกใจเล่นพวกเล่นพ้องเพนท์บอล เลเซอร์เกม แล้วกลับมาพบกันอีกทีในงานสละไม่มีคู่ของสหาย แม้กระนั้นเปลี่ยนมาเป็นจำต้องพบเอเลี่ยนสิงคนภายในป่า ก็เลยใช้ปืนนี้แหละเป็นอาวุธที่ไล่ยิงแล้วดันสำเร็จ เอเลี่ยนดันแพ้เลเซอร์แบบไร้เหตุผลอะไรรองรับเลย ทั้งยังเรื่องเอเลี่ยนเป็นตัวทึ่มๆที่เอฟเฟ็กต์ที่ตรงนี้ก็ไม่ลงทุน เพียงแค่ทำตาเรืองแสงได้จบ นี่เป็นเอเลี่ยนแล้ว อีกทั้งเรื่องเต็มไปด้วยความมักง่ายทุนต่ำ ไม่มีซึ่งความครีเอทใดๆก็ตามทั้งมวล เส้นเรื่องไม่มีอไะรนอกจากสหายในกรุ๊ปถูกจับไปเลยจำต้องบุกตะลุยไปยังรังเพื่อช่วยเพื่อนพ้องออกมา แอ็กชั่นในเรื่องก็ราวกับเล่นขายของ เอเลี่ยนเป็นคนวิ่งเข้าใส่ เขวี้ยงของใส่ตัวนำที่ใช้ปืนเลเซอร์ยิงเล่นเป็นของหวานกรุบกรอบ ช่วงท้ายลงทุนนิดหน่อยให้มีบอสตัวประหลาดราวกับแจ๊บบ้าของสตาร์วอร์ แม้กระนั้นก็มิได้ช่วยทำให้เรื่องดียิ่งขึ้นเลย แถมยังพากเพียรทำภาคต่อในตอนสุดท้ายตบท้ายเอนด์เครดิตอีก

แค่นี้ยังไม่เพียงพอตัวเรื่องยังอุตสาหะจะเล่นเงื่อนดราม่าในกรุ๊ปสหายที่ห่างหายไปแล้วกลับมาเจอกัน ทำให้หมางเมินหรือมีเรื่องมีราวชอบใจมาแต่ว่าสมัยก่อน ซึ่งก็เล่ายืดยาวถึงที่ตรงนี้ กว่าเรื่องจะไปพบเอเลี่ยนก็ขว้างไปเกินครึ่งชั่วโมงแล้ว กลางทางก็อุตสาหะให้การเผชิญภัยนี้เป็นการสานสโมสรกลับมาอีกรอบ ซึ่งก็เป็นโครงเรื่องสูตรสำเร็จปกติทั่วๆไปที่น่าเบื่อแบบสุดๆ

รีวิว Money Heist: Korea เทียบความต่างจุดใหญ่ที่เปลี่ยนไปทั้งดีขึ้นและแย่ลง

Money Heist: Korea – Joint Economic Area เป็นความบากบั่นขายซ้ำการบรรลุเป้าหมายของภาคประเทศสเปน

โดยเอามารีเมคเป็นเวอร์ชั่นประเทศเกาหลี เหตุสำคัญๆก็เนื่องจากว่าในประเทศเกาหลีเองมิได้ลองคิดดูประเด็นนี้ตามชาวโลกกัน + กับกระแสประเทศเกาหลีมาแรงตั้งแต่สควิดเกมทำสำเร็จ ทาง Netflix ก็อาจจะอาศัยกระแสนี้สร้างซีรีส์ขึ้นหิ้งของตนเพื่อรีรันในอีกรสให้คนทั้งโลกได้มองซ้ำอีกครั้ง ซึ่งก็ได้ผล และก็เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดการแย้งว่าเวอร์ชั่นนี้ดีพอเพียงเท่ากันประเทศสเปนหรือเปล่า คนเขียนเองก็เป็นแฟนประเด็นนี้ตั้งแต่ลง Netflix หนแรกแล้วยังไม่ดัง (ประเด็นนี้มาดังหลังจากนั้นจบฤดูกาล 2 ไปแล้วกำเนิดกระแสชี้แนะต่อๆกันให้มองกระทั่งยอดมากมาย ทำให้เน็ตฟลิกซ์ไฟเขียวให้กลุ่มสร้างฤดูกาล 3 คราวหน้า) รีวิวนี้ก็เลยขอเปรียบเทียบกับต้นฉบับในสาระสำคัญๆที่เวอร์ชั่นประเทศเกาหลีทำให้ไม่เหมือนกันออกไป

สำหรับผู้ชมประเทศสเปนมาก่อนอปิ้งนักเขียนจัดว่าประเทศเกาหลีก็เอามาดัดแปลงปรับปรุงแก้ไขก้าวหน้า หากแม้ตัวรูปพรรณสัณฐานติดอยู่แรกเตอร์ที่บากบั่นจะให้ราวกับต้นฉบับจะดูแล้วขัดๆก็จริง แม้กระนั้นก็รู้เรื่องได้ (อาจมีแม้กระนั้นคนถูกใจเมืองโตเกียวประเทศเกาหลีมากยิ่งกว่า แม้กระนั้นนักแสดงอื่นจำนวนมากไม่ดีเท่าต้นฉบับ) มีการเล่าที่กระชับเร็วกว่า เปลี่ยนฉากสำคัญใหญ่ๆบางฉาก แต่ว่าเสน่ห์หลายประเภทกับฉากสำคัญของต้นฉบับก็ยังทำเป็นดีมากยิ่งกว่า ซึ่งนี้อาจจะห้ามผู้ชมประเทศสเปนมาเทียบมิได้เพราะว่านี่เป็นงานรีเมคที่ในรูปภาพรวมไม่มีอะไรแตกต่างกันไปเลย แต่ว่าก็เหมาะสมกับผู้ที่ไม่เคยมองต้นฉบับแล้วทดสอบต้องการมองหัวข้อนี้บ้างเพียงแค่นั้นนะครับ (แต่ว่าหากให้ชี้แนะก็มองต้นฉบับไปเลยดียิ่งกว่าด้วยเหตุว่าขึ้นหิ้งไปแล้ว รวมทั้งทำมาจบแล้วด้วย ส่วนของประเทศเกาหลีค้างไว้กึ่งกลางเรื่องเป็นพาร์ทแรก)

รีวิวหนังภาพหวาด

สำหรับผู้ที่ยังมิได้มองก็บางครั้งก็อาจจะได้ยินมาว่าประเด็นนี้รีเมคแบบดำเนินเรื่องอย่างเดิมเลียนแบบต่อฉากต่อสถานะการณ์กันมาเลย ซึ่งก็จริง แม้กระนั้นก็ไม่ใช่จะเหมือนเดิมทั้งผอง เรื่องราวหลักนอกเหนือจากการเกริ่นนำเรื่องสาเหตุของโรงกษาปณ์ใหม่ของประเทศเกาหลีที่เกิดขึ้นมาจากการรวมชาติแล้วกำลังพิมพ์เงินแบบใหม่ออกมา โดยตั้งอยู่เขตเศรษฐกิจพิเศษรอยต่อเขตแดนสองประเทศ ที่เหลือก็ยังมีการเปลี่ยนหลายจุดที่ทำให้หัวข้อนี้มองใหม่ไม่เหมือนกันกับต้นฉบับด้วยเหมือนกัน

ประโยคหัวใจสำคัญของประเด็นนี้มิได้ถูกเอ่ยออกมาจากเมืองโตเกียวที่ยังคงเป็นตัวละครที่ใช้เสียงบรรยายชี้แจงเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นแบบต้นฉบับ ซึ่งถ้าหากผู้ชมจนกระทั่งจบจะทราบดีว่า Money Heist ในความเป็นจริงแล้วเป็นหนังรักแอ็กชั่น เนื่องจากว่าเรื่องราวสำคัญๆในเรื่องมีแม้กระนั้นคนรักหรือความรักในแบบลูกพี่ลูกน้อง บิดาลูก แม่ลูก รักฝ่ายเดียว หัวข้อนี้ถ้าหากตัดภาพการวางเป้าหมายบีบคั้นออกไป ที่เหลือเป็นเรื่องราวความรักแทบทั้งนั้น เป็นซีรีส์ที่ดำเนินเรื่องด้วยความรัก พังทลายด้วยความรัก รวมทั้งลงเอยด้วยความรัก ซึ่งคู่ชีวิตหลักของเรื่องเลยเป็น ศ.จ.กับราเกล ริโอกับเมืองโตเกียว เดนเวอร์กับสาวแบงค์ ที่เปลี่ยนมาเป็นสต็อกโฮล์มในคราวหลัง โดยมีการเปลี่ยนแปลงไปใน 2 คู่แรก ศ.จ.กับราเกล ซึ่งในเวอร์ชั่นประเทศเกาหลีเป็น ชอนอูจิน ยังเป็นตำรวจนักพูดจาอย่างเช่นเดิม แม้กระนั้นคุณกับศ.จ.เปลี่ยนมาเป็นคนรู้จักกันเกือบจะคบกันแต่ก่อนแล้ว โดยศ.จ.เปลี่ยนเป็นเถ้าแก่กาแฟที่เป็นที่มีห้องคอนโทรลหลบซ่อนอยู่ด้วยไม่ราวกับต้นฉบับที่เป็นที่ลับสำคัญที่จำเป็นต้องสืบเสาะหาเป็นไคลแม็กซ์ท้ายที่สุดของเรื่องในเวอร์ชั่นเดิม (ที่ราเกลไปบุกรังศ.จ.กับโดนข่มขู่เรื่องลูกจนถึงจำเป็นต้องยอมเผยที่ตั้งรังลับ) แล้วความเกี่ยวพันนี้ก็เป็นการคิดแผนไว้ก่อนของศ.จ.เพื่อนำคุณมาใช้ประโยชน์เดิมที ต่างกับของต้นฉบับที่ไม่ไ้ด้คิดแผนหลอกคบ ซึ่งจุดนี้มันจะสำคัญในขณะที่คุณจะแปลงฝั่งในช่วงท้าย เป็นมั่นใจว่าประเทศเกาหลีในที่สุดก็จะใช้บทว่าศ.จ.เผลอหลงใหลหลุดไปจากแผน แม้กระนั้นที่ต่างเป็นศ.จ.ของเดิมเป็น เพศชายเนิร์ดๆในวัย 40 ที่ตลอดชีพไม่มีบัตรประจำตัวประชาชน ดำเนินชีวิตในเงา หมกหมุ่นอยู่กับแนวทางชิงทรัพย์คราวนี้มาตลอดชีพ เพื่อสืบต่ออุดมการณ์ของบิดาที่เป็นนักชิงทรัพย์เช่นเดียวกัน (แม้กระนั้นในเวอร์ชั่นประเทศเกาหลีเป็นคุณครูมหาลัยสอนเศรษฐวิทยาศึกษาค้นคว้าหัวข้อการรวมประเทศ จนกระทั่งถูกเชิญชวนไปทำประเด็นนี้จากนักการเมือง) เวอร์ชั่นของต้นฉบับเป็นศ.จ.ไม่เคยมีคู่รัก มีคู่รักมาก่อน อยู่ในสังคมปิดหลบซ่อนตน เป็นแนวทางทำให้เขาไม่มีข้อมูลในระบบของทางเมือง ทำให้เรื่องที่เขาบังเอิญมาตกหลุมรักมันน่าไว้ใจว่าจอมวางแผนที่ออกกฎนี้เองก็พลาดเองเพราะเหตุว่าสิ่งที่เราเองไม่รู้ เป็นคนฉลาดหลักแหลมทุกสิ่ง แม้กระนั้นอ่อนในเรื่องรัก แล้วก็นำมันมาตั้งกฎห้ามบุคคลอื่น ไม่ใช่แบบประเทศเกาหลีที่แปลงเป็นชายหนุ่มอบอุ่นสุภาพตั้งใจความรู้สึกแต่เดิม มันไม่แปลกในเวอร์ชั่นประเทศเกาหลี แม้กระนั้นมันไม่เรียลอย่างที่เรื่องควรเป็น มองเป็นพล็อตสูตรสำเร็จแข็งทื่อๆที่ถูกใจจับมาใช้กัน แม้กระนั้นสิ่งที่ดีเป็นตัวชอนอูจินในภาคนี้ยังเล่นเจริญไม่ต่างอะไรจากมาตรฐานเดิมมากแค่ไหน แลัะมีอารมณ์หวั่นไหวกว่า โดยมีลูกสาวของคุณมาเป็นหัวข้อเกี่ยวพันกับเรื่องเพิ่มด้วย แตกต่างจากของต้นฉบับที่เพียงแค่เอ่ยถึงว่ากำลังฟ้องร้องคดีกับผัวสำหรับเพื่อการแย่งสิทธิ์อยู่เพียงแค่นั้น

รีวิว 6 Underground: โทนี่ สตาร์ก ที่ฮาแบบเดดพูล แต่บู๊แบบไมเคิล เบย์

6 Underground โทนี่ สตาร์ก หนังเน็ตฟลิกซ์เรื่องนี้เป็นที่จับตามองตั้งแต่ชื่อทีมสร้างถูกประกาศ โดยไม่ต้องสนใจพลอตมากมายนัก 

เรื่องย่อ พวกเขาเป็นฝูงชนที่ทนความไม่ยุติธรรมบนโลกนี้มิได้ เมื่อข้อบังคับลงทัณฑ์คนไม่ดีที่จริงจริงไม่ไหว คนมั่งคั่งชายหนุ่มก็เลยแกล้งสร้างสถานการณ์ให้ตัวเองตาย รวมทั้งรวมพรรคพวกอีก 5 คนซึ่งต่างความรู้ความเข้าใจต่างที่มาแต่ว่าอุดมการณ์เดียวกัน มาร่วมตายจากโลกใบนี้และก็กำเนิดใหม่ในฐานะฮีโรใต้ดินที่แทนชื่อจริงด้วยเลข เพื่อออกกำจัดความขาดความกรุณาปรานีในโลกนี้

หนังเน็ตฟลิกซ์ประเด็นนี้เป็นด้ามจับตามองตั้งแต่ชื่อกลุ่มสร้างถูกประกาศ โดยไม่ต้องพึงพอใจพลอตมากมายนัก ไล่ไปตั้งแต่ผู้แสดงนำฝ่ายใหญ่อันเดียวของหนังอย่าง มิสเตอร์เดดพูล ไรอัน เรย์โนลด์ ที่มาร่วมงานกับผู้กำกับมากมายผลงานยอดเยี่ยมผลาญทรัพยากรบู๊อย่าง ไมเคิล เบย์ ในโพรเจกต์ที่เน็ตฟลิกซ์ซื้อมอบทุนมากถึง 150 ล้านเหรียญ เพื่อเนรมิตหนังบล็อกบัสเตอร์แบบที่รับรองลำดับที่หนึ่งในตารางบ็อกซ์สถานที่ทำงานได้สบาย (ถ้าเกิดฉายโรง) แล้วเอามาให้ลงบริการสตรีมมิ่ง เพื่อแสดงประสิทธิภาพว่าเน็ตฟลิกซ์เป็นมากกว่าบริการดูหนังผ่านอินเตอร์เน็ต แต่ว่ามันเป็นบริษัทหนังใหญ่ที่มีพลังเท่าๆกับบริษัทภาพยนตร์โรงยักษ์ใหญ่ทั้งหลายแหล่ด้วย

รีวิวหนังผี netflix

จริงๆก็เป็นปริศนาตั้งแต่ตอนแรกๆล่ะ ไมเคิล เบย์ บางทีอาจเป็นผู้กำกับที่ฉกาจฉกรรจ์สำหรับเพื่อการตีหนังเป็นภาพมีสไตล์ รังสฤษฏ์ฉากบู๊ที่งามติดตา และก็สดใหม่จนกระทั่งชอบใจคอบู๊มานักต่อนัก แต่ว่าจุดพร่องของเขาก็คือการวางเรื่องราวหลวม บางทีก็ไม่สนใจตรรกะอะไรอีกเลย จนกระทั่งผู้ชมเห็นแก่ได้ล้อได้เย้าแหย่อยู่เป็นประจำ แต่งานนี้เขาได้ยากำจัดความกาวของหนังตนเองได้ดิบได้ดี โน่นเป็นกาวชั้นยอดมีแบรนด์เกรดสูงอย่าง เรตต์ รีส และก็ พอล เวอร์นิก มือเขียนบทสุดฮาเบิกบานจากหนัง Deadpool และก็ Zombieland อีกทั้ง 2 ภาค ที่ติดตามไรอัน เรย์โนลด์ มาแต่งโครงสร้างภาพยนตร์ได้อย่างมีระบบระเบียบ มีเชิงชั้นการเล่าที่น่าดึงดูด ด้วยการเปิดกรุ๊ปผู้แสดงแบบไม่ลำดับเวลา ตัดสลับภารกิจเดี๋ยวนี้ที่อิตาลีสำหรับการแก้วชิงดวงตาของทนายจอมคดโกงของจอมบงการเพื่อเอามาสแกนเปิดโทรศัพท์ที่เชื่อมกับฐานข้อมูลความลับทั้งหลายแหล่ กับสมัยก่อนแล้วก็ที่ไปที่มารวมทั้งความชำนิชำนาญของสมาชิกกรุ๊ปแต่ละคน ที่แทนตัวด้วยเลขลำดับ ทำให้พวกเรามองเห็นเค้าโครงว่านี่ไม่ใช่หนังกลุ่มรวมยอดคนเดินดิน แต่ว่ามันมีความน่าดึงดูดใจในตนเองแต่ละคนมากยิ่งกว่านั้น

รีวิวหนังร่างทรง

ด้วยความยียวนของมือเขียนบท จำเป็นต้องกล่าวว่าหนังฉลาดหลักแหลมสำหรับในการสร้างเงื่อนข้อความสำคัญ เนื่องจากมันมิได้จะต้องลงลึกจนถึงซีเรียส แม้กระนั้นก็มีเนื้อหนังให้เรื่องมองสัมผัสได้จริง รวมทั้งปลดปล่อยพื้นที่ที่เหลือให้ไมเคิล เบย์ใส่จินตนาการความสดใหม่ของเขาลงไปได้อย่างมาก ทำให้มันเปลี่ยนเป็นหนังไมเคิล เบย์ ในฉบับที่พอดี ไม่พร่องไม่ล้น กระทั่งโชคร้ายว่าถ้าเกิดได้ฉายในระบบการฉายดีๆเสียงก้องกังวานๆหน้าจอใหญ่ๆกับงานภาพระเบิดตูมตามโชว์สถาปัตยกรรมหลายที่ มันน่าจะฟินไม่น้อยทีเดียว

ความกวนทีนของหนังยังเป็นอะไรที่จะต้องขอสรรเสริญแบบให้รายละเอียดอย่างยิ่งจริงๆ มันกวนมาตั้งแต่คอนเซปต์ของเรื่อง พวกเราบางทีอาจเคยชินกับหนังบู๊ระดับตำนานที่มักกล่าวถึงฝั่งดารานำชาย 7 ผู้ที่มักจำเป็นต้องเข้าไปช่วยเหลือหมู่บ้านหนึ่งที่ห่างไกลจากการคุกคามโดยคนเลวที่มีอำนาจหรืออาวุธ ไม่ว่าจะ Seven Samurai (1954) หรือ The Magnificent Seven (1960) หรือภาพยนตร์ไทยอย่าง 7 รบ เองก็ตาม แม้กระนั้นกับ 6 Underground มันไปเหนือกว่าด้วยการคารวะหนังชั้นเอกพวกนั้นด้วยการมีสมาชิกเลขลำดับ 7 แม้กระนั้นมีกันเพียงแค่ 6 คน และไม่ใช่เพียงแค่ปริมาณน้อยกว่า ภารกิจของพวกเขาก็ทะยานอยากไปหนักมากยิ่งกว่าเพราะเหตุว่าไม่ใช่การช่วยหมู่บ้านอนาถาเพียงแค่นั้น แม้กระนั้นพวกเขาจำเป็นต้องปล่อยประเทศเทอร์กิสถานที่จากการปกครองของเผด็จการนายพลโรวัค ศัตรูที่มีความฉลาด รู้สึกไม่ไว้ใจคนไหนกันแน่ ป่าเถื่อนแล้วก็มีเชิงชั้น รวมทั้งอุดมการณ์หนุนจิตด้านเลวที่พอดีเป๊ะ (ฉากถกข้อความสำคัญจากละครเวทีของเชกสเปียร์กับผู้แสดงนำชายสร้างมิว่ากล่าวนักแสดงขึ้นมาเลย) สำหรับผู้ชมมันก็เว่อมั้ยล่ะการปลดปล่อยประเทศด้วยคนเพียงแค่ 6 คน แต่ว่าตารีสกับเวอร์นิกก็ทำบทที่พวกเราเออออห่อหมกไปด้วยได้ตลอดเรื่อง จำเป็นต้องสารภาพเลยว่าหนังรอดส่วนหนึ่งส่วนใดเพราะเหตุว่าบทจริงๆ

เรื่องย่อ อุโมงค์ผาเมือง “ลึกลับยากเกินคาดเดา”

ภาพยนต์ไทยอีกประเด็นที่บอกได้เลยว่าทำออกมาก้าวหน้ามากมายๆก็คือเรื่อง อุโมงค์เขาหินเมือง ที่ได้ดาราหนังฝีมือยอดเยี่ยมมาแสดง 

มี “ข้อเท็จจริง” อยู่อย่างหนึ่งว่า สิ่งที่มนุษย์ประดิษฐ์ขึ้นมา ไม่ว่างานชิ้นนั้นจะเป็นอะไรก็แล้วแต่ แม้กระนั้นถ้าเกิดมีการโจษขานแล้วก็ได้รับการ เห็นด้วยในตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา หากว่าระยะเวลาจะแปรไปสักเท่าไหร่ก็ตาม แต่ว่าสิ่งนั้นยังคงมองสะดุดตาอยู่เป็นประจำ พวกเราชอบให้นิยามกับสิ่งๆนั้นว่า ได้ผลงานที่ “คลาสสิค” อย่างเรื่องของ Rashomon (ราโชมอน) ผลงานของ อากิระ ปะทุโรซาวา อันมีต้นเหตุมาจากเรื่องสั้น 2 เรื่อง (The Cedar Grove หรือ In a Grove + The Rashomon Gate หรือ Rashomon) ของ ริวโนสุเกะ อะปะทุตางาวะ ที่เคยถูกทำเป็นภาพยตร์มาแล้วเมื่อปี 1950 ก็นับว่าเป็นงาง คลาสสิค ในโลกภาพยตร์อีกหนึ่งเรื่องเหมือนกัน เมนสำคัญๆของหัวข้อนี้ที่จริงแล้วก็ไม่มีอะไรเท่าไรนัก เริ่มจากมีสถานะการณ์การฆาตกรรมเกิดขึ้น

รีวิวหนัง netflix

เมื่อซามูไรคนหนึ่งพาภรรยาเดินทางเข้าไปในป่า รวมทั้งได้พบกับมิจฉาชีพป่าผู้โหดเหี้ยมคนหนึ่ง เขาได้ล่อลวงรวมทั้งสามารถจับซามูไรผูกไว้ได้ และก็ขโมยก็จะลงมือขืนใจภรรยาของเขา ก่อนที่จะในเวลาถัดมา จะมีผู้เจอศพซามูไรในป่าที่นั้น เรื่องราวมีอยู่เพียงเท่านี้จริงๆครับผม แต่ว่าความเพลิดเพลินของประเด็นนี้อยู่ที่มุมมองต่างๆของผู้ที่อยู่ในเรื่อง รวมทั้งผู้เห็นเหตุการณ์ที่รู้เหตุการณ์ ซึ่งก็ต่างเล่าในสิ่งที่เขามองเห็น หรือต้องการจะมองเห็น ทำให้เรื่องราวจากปากของแต่ละคนไม่เหมือนกันเช่นเดียวกันกับเป็นคนละเรื่อง ทำให้เรื่องที่เกิดขึ้นในป่าถูกบิดเบือนให้คลาดเคลื่อน จนกระทั่งยากที่จะสามารถสรุปได้ว่า “อะไรเป็นเรื่องจริง ” อะไรเป็นความเท็จ สำหรับในไทยพวกเรา พลตรี ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช

เคยนำวรรณกรรมเคยชินนี้มาดัดแปลง เป็นสำนวนไทยๆทำเป็นละครเวทีมาแล้วกาลครั้งหนึ่งในชื่อว่า ราโชมอน (ประตูผี) แล้วก็เป็นที่นิยมอย่างยิ่ง ถัดมา ม.ล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล ได้นำคำโคลงเรื่อง ราโชมอน(ประตูผี) มาดัดแปลงอีกทีทำเป็นละครเวทีแสดงที่มณเฑียนทองคำเธียเตอร์เมื่อยี่สิบปีครั้งผ่านมา แล้วก็เนื่องในวันครบรอบ 101 ของปรมาจารย์ผู้กำกับ อากิระ ระอุโรซาวา (กำเนิด 23 เดือนมีนาคม 1910) ในปีนี้ Rashomon (ราโชมอน) ได้ถูกเอามาปรับเปลี่ยนอีกทีในชื่อว่า อุโมงค์หน้าผาเมือง กำกับการแสดงโดยผู้กำกับจอมสุภาพอย่าง ม.ล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล (หม่อมน้อย) อีกทีหนึ่ง

สำหรับเรื่องย่อในเวอร์ชั่น อุโมงค์ผ่าเมือง มีอยู่ว่า ในปีพ.ศ. 2110ในนครเขาหินเมืองที่อาณาจักรเชียงแสนอันเจริญ วันหนึ่งภายหลังจากกำเนิดวอดวายการณ์ครั้งยิ่งใหญ่อีกทั้งไฟไหม้ครั้งยิ่งใหญ่ แผ่นดินไหวอันร้ายแรง แล้วก็โรคร้ายระบาดเอาชีวิตประชากรไปกว่าครึ่งนคร ก็กำเนิดคดีการฆาตกรรม ปัญหาที่น่าขนพองสยองเกล้าและก็สลับซับซ้อนลึกลับซับซ้อนสุดที่จะค้นหาเรื่องจริงได้ มิจฉาชีพป่าราชสีห์คำ (ดอม เหเชื้อสาย) ผู้โหดร้ายที่สุดในแผ่นดินโดนจับได้ในคดีการสังหารนายทัพเจ้าหล้าฟ้า (อนันดา เอเวอริงหมูแฮม) รวมทั้งขืนใจ แม่หญิงคำแก้ว (เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์) เมียของแม่ทัพในป่านอกเมือง

ช่วงเวลาที่สองผัวเมียเดินทางออกจากเมืองเพื่อไปเยี่ยมพี่น้องที่นครเชียงคำ จากปากคำของโจรป่าและก็แม่หญิง สร้างความอลหม่านแล้วก็ฉงนสนเท่ห์ให้แก่ เจ้าผู้ครองเมือง (ศักราช กาลรักษาค์) รวมทั้งสามัญชนผู้มาฟังคำกล่าวให้การเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากทั้งสองต่างเห็นด้วยอย่างหน้าชื่นตาบานว่า “ตนเป็นคนฆ่าแม่ทัพ” เจ้าหลวงก็เลยเรียก “ผีมด – คนทรง” (รัดเกล้า อามระดิษ) มาเข้าเจ้าผีของแม่ทัพ เพื่อค้นหาข้อเท็จจริง แม้กระนั้นแล้ววิญญาณของแม่ทัพกลับให้การผ่านคนทรงว่า ตนต่างหากที่ฆ่าตัวตายเอง! โดยเหตุการณ์ทั้งสิ้นถูกถ่ายทอดผ่านการพบเจอรวมทั้งเสวนาของ พระชายหนุ่ม (มาริโอ้ เมาเร่อ), ชายตัดฟืน (เพ็ชรทายวงษ์คำเหลา) รวมทั้ง สัปเหร่อ (ดงษ์พัฒน์ วชิรบรรควร) ข้างในอุโมงค์ผีที่หน้าผาเมือง ซึ่งไม่บางทีอาจรู้เรื่องได้เลยว่า เหตุไรอีกทั้ง 3 คนก็เลยให้การปกปิดข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น แล้วก็ สิ่งไหนเป็นเรื่องจริง

สิ่งไหนเป็นความเท็จ กันแน่ แล้วก็เรื่องราวทั้งปวงเป็นยังไงกัน? ผมเห็นภาพยนตร์ประชาสัมพันธ์หัวข้อนี้หนแรก ก็ไปสะดุดตากับเรื่อง “ชั่วกัลปาวสาน” ของหม่อมน้อย หม่อมหลวง ประเภทเทวนพ เทวกุล เพราะเหตุว่ามองจากการแต่งตัว รูปร่างหน้าตาสไตล์การแต่งตัว ใช่เลย แล้วก็ไม่ผิดนะครับ เรื่อง อุโมงค์หน้าผาเมือง เป็นการควบคุมของท่านหม่อนน้อยจริงๆหากพวกเราจะกล่าวถึงเพศผู้ควบคุมท่านนี้ได้สมญานามว่า “ผู้กำกับจอมอ่อนโยน” ถึงแม้ผลงานเรื่อง อุโมงค์เขาหินเมือง นี้เป็นเพียงแค่เรื่องที่ 3ของท่าน แม้กระนั้นสองเรื่องก่อนหน้าที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็น “อันดากับฟ้าใส” หรือ “ชั่วนิรันดร์” ก็ล้วนแต่เป็นภาพยนตร์ประสิทธิภาพที่ได้รับรางวัลจากสถาบันภาพยนตร์ต่างๆในไทย รูปแบบการทำงานของท่านหม่อมน้อย ทุกสิ่งจำต้อง เป๊ะๆทั้งหมดทั้งปวง ดูดี มองงาม พวกเราจะเป็นว่า ทุกเรื่องที่หม่อมน้อยควบคุม การถ่ายรูปจะดี มีมุมงามๆจำนวนมาก บางมุมที่งามสุดๆภาพก็จะถูกแช่ไว้สัก3-5 วินาที ลักษณะท่าทางและรูปแบบการแต่งตัวของผู้แสดงจำต้องเลิศเลอ แต่ว่าโดยมากแล้วอีกทั้งสามเรื่องก็เป็นภาพงามๆที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติแทบทั้งหมด ท่านหม่อมน้อยเป็นคนเก่ง ก็เลยสามารถได้ความดูดีมธรรมชาติ มาแสดงอารมณ์ความรู้สึกผ่านทางภาพให้ผู้ชมรู้สึกเชื่อฟังไปด้วย ถือว่าท่านเป็นผู้กำกับที่มีคุณภาพดีจังๆ

รีวิวหนัง Minions 2: The Rise of Gru เหมือนเดิม…มินเนียนส์ยังบันเทิงเหมือนเดิม

รวมทั้งพวกมินเนียนส์ก็กลับมาอีกที..! ภายหลังที่พวกเขาโผล่ไปแจมเป็นส่วนประกอบให้หนังภาคหลัก

พวกมันก็กลับมาสืบต่อในหนังของตนเองอีกทีใน “Minions 2: The Rise of Gru” ที่แน่ๆว่ากลับมาตอนนี้ พวกเขายังคงฉายเสน่ห์อันเหลือเฟือออกมาได้อีกเหมือนเคย แม้ว่าจะสัมผัสได้ถึงความตันของไอเดียที่พามาในแนวทางนี้บ้างก็ตาม แม้กระนั้นขั้นต่ำๆเหล่าชาวมินเนียนส์ก็ยังสร้างความสนุกสนานเริงใจได้อย่างเคย

Minions 2: The Rise of Gru เล่าราวภายหลังที่พวกมินเนี่ยนออกตามหาบรรดาคนร้ายสุดโฉดมาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ป่วนปั่นจนกระทั่งมาพบกับหนูน้อย กรู หนุ่มน้อยน้อยที่วาดวิมานในอากาศจะแปลงเป็นคนร้ายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก พร้อมบรรดาลูกน้องตัวสีเหลืองที่ราวกับจะช่วย แต่ว่าดันป่วนปั่นมากยิ่งกว่า โอกาสนี้กรูได้เดินทางไปยังสถานที่เป็นราวกับที่ประชุมของบรรดาคนร้ายที่ชื่อ Vicious 6 เพื่อปรารถนาเป็นคนร้ายสุดกำลัง แต่ว่าเนื่องจากว่าเขายังเป็นเด็ก ทำให้บรรดาคนร้ายปฏิเสธ

รีวิวหนังสนุกๆ

แน่ๆว่าความฝันของกรูแน่แน่วเกินสิ่งใด เขาเลยตกลงใจพิสูจน์ตนเองด้วยการลักขโมยเพชรนิลจินดาล้ำค่าของคนร้ายตัวแม่ เบลล์ บัทท่อม ทำให้คนร้ายทั้งสิ้นที่ Vicious 6 ออกตามล่าเขาในทันทีทันใด ไม่ว่าจะเป็นคนร้ายจอมพลัง, แม่ชีสายบู๊ผู้มีตะบองสองท่อนเป็นอาวุธ หรือจะเป็นมนุษย์ที่มีแขนเป็นก้ามปู แต่ว่ากรูก็ไม่น้อยหน้า เนื่องจากเขามีบรรดาเหล่ามินเนียนและก็รถจักรยานติดไอพ่นคู่ใจ กรูตกลงใจใช้แผนแยกย้ายหลอก โดยให้หนึ่งในมินเนียนที่ชื่อ อ็อตโต้ เอาเพชรนิลจินดาหนีแยกไปอีกทาง ส่วนเขาจะเป็นคนล่อพวกคนร้ายเอง

ทุกสิ่งทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นไปตามแผน และก็กรูกำลังจะได้ประกาศแรงเป็นคนร้ายคนใหม่ที่ร้ายกาจที่สุด แม้กระนั้นเมื่อเจ้าอ็อตโต้เอาเพชรนิลจินดาออกมาให้ มันกลายเป็นหินเด็กเล่น ซึ่งเจ้าอ็อตโต้ก็ได้เล่าถึงที่มาที่ไปว่าระหว่างแอบหนี มันก็ดันหลงไปอยู่ในบ้านของเด็กคนหนึ่งที่กำลังจัดงานวันเกิด แล้วบังเอิญไปมองเห็นเจ้าหินเด็กเล่นชิ้นนี้เข้า มันหลงรักในทันทีทันใด ก่อนที่จะตกลงใจแลกเปลี่ยนเพชรนิลจินดากับหินเด็กเล่น สำหรับกรูแล้วนี่ก็เป็นราวกับการเอาอนาคตของเขาไปเขวี้ยงทิ้งอย่างยิ่งจริงๆ เรื่องราวความโกลาหลจะเป็นยังไง จะต้องคอยติดตามกันถัดไป

มาในภาคนี้ได้ผู้กำกับมาเป็นแพ็คถึง 3 คนเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น “ไคล์ บัลดา” (จาก Minions ภาคที่แล้ว), “กางรด อเบลสัน” (จากหนังสั่น Yellow Light) รวมทั้ง “โจนาธาน เดล วัล” (จาก The Secret Life of Pets 2) ที่ไม่ทราบว่าการผนึกกำลังในคราวนี้จะเป็นมาช่วยเหลือกันประคองหนังหัวข้อนี้ให้สตรองขึ้นหรือเปล่า แต่ว่าบอกได้เลยว่า…ผู้กำกับยิ่งเยอะแยะก็ยิ่งทำให้หนังรู้สึกวิ่งกันไปคนละแฉกมากเพิ่มขึ้นไปด้วย

รีวิว Love and Monsters : อีกหนึ่งความบันเทิงที่ต้องหนีลงสตรีมมิง

Love and Monsters เป็นหนังที่ตั้งชื่อได้สั้นแต่ว่าชี้แจงรายละเอียดสาระสำคัญของเรื่องราวได้ตรงเผง หนังเลียนแบบสถานะการณ์ในโลกอนาคต

เมื่อมีอุกกาบาตลึกลับมาตกลงบนโลกมนุษย์ สิ่งที่เป็นปัญหานั้นก็คือเจ้าอุกกาบาตลูกนี้ดันพาเชื้อโรคมหาภัยมาด้วย ทำให้สัตว์แล้วก็แมลงแปลงร่างเป็นอสูรตัวขนาดยักษ์กันไปทั่วทั้งโลก ภายในช่วงเวลาไม่กี่ปี มนุษยชาติโดนฆ่าตายไปถึง 95% ที่เหลือรอดจำเป็นต้องหลบไปดำเนินชีวิตในบังเกอร์ใต้ดิน ผู้แสดงนำชายของพวกเราเป็น โจล เด็กวัยหนุ่มวัย 17 ปีที่จะต้องแยกจาก เอมมี่ แฟนสาว หวานใจกันซาบซึ้ง ผ่านไป 7 ปี โจลสามารถติดต่อเอมมี่ได้ทางวิทยุสำหรับติดต่อสื่อสาร ชี้ให้เห็นตำแหน่งของบังเกอร์ของเอมมี่ว่าอยู่ห่างออกไป 136 กิโลเมตร ด้วยความรักรวมทั้งนึกถึงเอมมี่มากมาย โจลตกลงใจออกไปเสี่ยงอันตรายในโลกด้านนอกเพียงผู้เดียว ด้วยความตั้งอกตั้งใจจะแรมรอนไปพบคู่รักให้ต้องได้ ท่ามกลางเสียงต่อต้านของเพื่อนฝูงๆร่วมบังเกอร์

รีวิวหนังผี netflix

ผลงานผลิตมาจากค่ายพาราเมาท์ประเด็นนี้ เป็นอีกประเด็นที่โดนผลพวงจากเหตุการณ์โควิด – 19 อย่างเห็นได้ชัด แต่ก่อนหนังวางโปรแกรมออกฉายในโรงหนังมาตั้งแต่ต้นปี ในวันที่ 6 มี.ค. 2020 ในตอนที่เชื้อไวรัสกำลังแพร่ระบาดอย่างหนัก หนังขยับออกมาหน่อยเป็น 17 ม.ย. 2020 แม้กระนั้นแล้วเหตุการณ์ก็ยังไม่คลี่คลาย โรงภาพยนต์ปิดกันทั้งยังสหรัฐอเมริกา ว่าแล้วหลังจากนั้นก็ขอขยับอีกครั้ง ผ่านปีไป 12 กุมภา 2021 กันเลย ในที่สุดในส.ค. พาราเมาท์ก็ตกลงใจเด็ดขาด ไม่ฉายโรงหนังมันแล้ว ปลดปล่อยฉายในระบบสตรีมมิงตามเทรนด์นิยมมันไปเสียเลย แล้วหนังก็ปลดปล่อยให้เช่ามองตอนวันที่ 16 เดือนตุลาคม 2020 นี้เป็นวันแรก ในราคา 19.99 เหรียญ เงินไทยก็ราวๆ 624 บาท

เพียงแค่ฉายมาได้ 2 วัน หนังก็ได้รับเสียงตอบรับในทางดีครับผม คะแนนใน Rottentomatoes อยู่ที่ 90% จากนักวิพากษ์วิจารณ์ 29 คน ส่วน IMDB อยู่ที่ 7.2 จากปริมาณสมาชิกโหวตที่ 2,310 คน ทำให้จำต้องมาย้อนมองเครดิตคณะทำงานสำคัญกันสักนิด ทั้งๆที่ชื่อผู้กำกับ ไมเคิล แมทธิว ก็ตามไม่เคยรู้เอาเสียเลย พี่มึงเป็นผู้อำนวยการผลิตมา 4 เรื่อง ดูแลหนังยาวมาเพียงแค่เรื่องเดียว แต่ว่ามีเครดิตสำคัญเป็นเคยผ่านงานเป็น นักแสดงข้างวิชวลเอฟเฟกต์มาก่อน ก็เลยเข้าทางกับหนัง Love and Monsters ที่อุดมไปด้วยงานภาพวิชวลเอฟเฟกต์ ส่วนมือเขียนบทเป็นของ ไบรอัน ดัฟฟิลด์ แล้วก็ แมทธิว โรบินสัน ที่พอสมควรเครดิตและจากนั้นก็จะต้องชื่นชอบว่าเป็นการจับคู่ที่พอดีอย่างยิ่ง เนื่องจาก ไบรอัน ดัฟฟิลด์ โน่นเคยส่งผลงาน Underwater หนังตัวประหลาดใต้สมุทรสายดุที่พึ่งออกฉายไปเมื่อต้นปี ส่วน แมทธิว โรบินสัน ก็เคยส่งผลงาน Monster Trucks หนังอสูรกายน่ารักน่าเอ็นดูเอาอกเอาใจฝูงชนมองรุ่นเล็กเมื่อปี 2016 ประสบการณ์ของทั้งยัง 3 ก็เลยถือได้ว่าเป็นคณะทำงานที่พอดีสำหรับหนังตัวประหลาดร่าเริงแจ่มใสในสไตล์หนังครอบครัวหัวข้อนี้

เนื่องจากหนังมาในเรต PG-13 เป็นส่วนประกอบของ เสี่ยงอันตราย รวมทั้ง คอมมีดี้ บนฐานรากของเรื่องราวเลิฟสตอปรี่ หนังก็เลยออกมาในแนวปราศจากพิษ มองกันได้อีกทั้งครอบครัว แม้กระนั้นถ้าหากอ่านมาถึงนี้แล้วคอแอ็กชันบางครั้งอาจจะร้อง ว้า! ถ้าเช่นนั้นอาจจะไม่มีฉากลุ้นระทึกตื่นเต้น ก็จำเป็นต้องบอกกันว่า ก็ไม่ถึงกับขนาดนั้น หนังดำเนินเรื่องเร็ว ปูความกันตั้งแต่เครดิตที่มาผ่านเสียงบรรยายของ โจล ดารานำชายของเรื่อง ผ่านไปเพียงแค่ 20 นาที โจลก็ออกมาเผชิญภัยแล้ว เมื่อชื่อหนังมีคำว่า Monsters หนังก็จัดให้จุใจล่ะครับผม ตัวประหลาดออกมาเพ่นพ่านให้มองเห็นกันหลายตัว มีการออกแบบที่ดี มองออกว่าเบื้องต้นมาจากตัวอะไร มองเป็นพิษสงแล้วยังเจือความบริสุทธิ์ให้มองเห็นได้ในแววตา บางตัวก็มาสายชั่วร้ายเลยล่ะ บางตัวก็มาแบบใสๆแต่ยังไงก็ไม่มีฉากฆ่ากันให้เห็นจะๆแม้กระนั้นครั้งใดก็ตามอสูรกายออกมาก็มีฉากไล่ล่ากัน ผู้ชมก็จำเป็นต้องลุ้นให้โจลหนีพ้นไม่มีอันตราย ส่วนใดส่วนหนึ่งที่ส่งผลเป็นอย่างมากให้ผู้ชมจำเป็นต้องเอาใจช่วยโจล ก็เพราะเหตุว่าการปูพื้นข้างหลังให้ผู้ชมได้ทราบว่าเขาเป็นเพศชายที่ไร้เดียงสา ตอนที่อยู่ในบังเกอร์ก็รับหน้าที่พ่อครัว ไม่เคยได้รับความเชื่อมั่นจากสหายร่วมบังเกอร์ให้ออกไปพะบู๊เลยสักหนึ่งครั้ง เพียงพอวันที่เขาตกลงใจขอฝ่าผู้เดียวออกมาพบเจอโลกข้างนอก ก็มีแต่ว่าคนมีความรู้สึกว่าเขาไม่น่าจะรอดตาย และก็ครั้งใดก็ตามมีอสูรกายมา ก็มาแบบน่าตื่นตาตื่นใจ เพราะว่าเบาๆโผล่ส่วนประกอบเล็กๆมาก่อน มีเสียงนำ ให้พวกเรารอลุ้นไปทายใจไปว่าจะเป็นตัวอะไร

รีวิวหนัง Vivo เซอร์ไพรส์ภารกิจใหญ่ของเจ้าคิงคาจู มิวสิคัลร้องลั่น…น้ำตาปริ่ม

นับได้ว่าเป็นปีที่น่าดึงดูดของสตูดิโอ โซนี่ พิคเจอร์ แอนิเมชั่นที่ยังคงรักษาระดับท็อปฟอร์มของตนเอาไว้ได้อย่างดีเยี่ยม

ภายหลังที่เมื่อตอนต้นปีที่ล่วงเลยไป พวกเขาเคยทำเซอร์ไพรส์ไว้ภายใน ‘The Mitchells vs. the Machines’ ที่ทำให้พวกเราฮาอีกทั้งน้ำตาเล็ดได้ รวมทั้งมาถึงผลงานปัจจุบันใน “Vivo” พวกเขาก็ยังจัดจ้าสำหรับการสร้างงานออริจินัลของตนเอง ทั้งยังในคราวนี้ยังเพิ่มการเสี่ยง หยอดสไตล์มิวสิคัลที่ค่ายนี้ไม่ค่อยทำสักเท่าไหร่เข้าไป และก็ผลสรุปที่ออกมา…ก็สร้างความแปลกใจให้ผู้ชมอีกรอบ

Vivo เกิดเรื่องราวของคิงติดอยู่จูน้อยแสนพิเศษ ที่ดำเนินชีวิตด้วยการเล่นดนตรีให้ผู้คนที่ลานสี่เหลี่ยมด้านเท่าที่ครื้นครึกจอแจฟังทุกวี่ทุกวันกับผู้ครอบครองสุดรักชื่ออันเดรส แม้ว่าจะกล่าวกันคนละภาษา แม้กระนั้นวีโว่กับอันเดรสก็เป็นคู่คิดที่เข้าขากันเจริญเพราะว่ารักเสียงเพลงแบบเดียวกัน แต่ว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์เศร้าเสียใจขึ้นไม่นานภายหลังที่อันเดรสได้รับจดหมายจากมาร์ตา ซานโดวัล นักร้องโด่งดังที่ปรารถนาชักชวนคู่ซี้เก่าไปร่วมงานการแสดงดนตรีล่ำลาเวที เพื่อหวังจะสานสมาคมกับเขาอีกที

รีวิวหนัง netflix

นั่งก็เลยเป็นหน้าที่ของวีโว่ที่จะจำเป็นต้องไปส่งข่าวสารที่อันเดรสไม่มีจังหวะได้ทำด้วยตัวเอง โน่นเป็นจดหมายรักถึงมาร์ตาที่เขาแต่งเป็นเพลงไว้นานแล้ว แต่ว่าการจะเดินทางไปหามาร์ตาที่อยู่ไกลกันคนละฟากเพื่อสานฝันของผู้ครอบครองให้เป็นจริงได้นั้น วีโว่จำเป็นต้องอ้อนวอนจากแก๊บบี้ สาวน้อยเปี่ยมพลังที่เต้นไปตามจังหวะกลองสุดสติไม่ดีของคุณ การเสี่ยงอันตรายของพวกเขาได้เริ่มขึ้น

ความจริง Vivo ก็เป็นหนังแอนิเมชั่นจุดมุ่งหมายมั้นจะลงโรงฉายตามธรรมดา แม้กระนั้นเนื่องจากพบเหตุการณ์วัววิด-19 เข้าไป ทำให้ค่ายภาพยนตร์ตกลงใจโยกมาฉายในต้นแบบสตรีมมิ่งออนไลน์แทน ซึ่งก็แอบเป็นที่โชคร้ายอีกรอบสิ่งเดียวกัน เพราะว่างานสร้างของหนัง ทั้งยังภาพและก็วิธีต่างๆคงจะเลิศได้มากกว่านี้ ถ้าได้นั่งมองบนหน้าจอใหญ่ๆในโรงภาพยนต์ ทั้งยังซาวด์และก็เสียงดนตรีประกอบก็ติดหูและก็อาจดี หากได้ระบบเสียงดีๆมาช่วยเร้าอารมณ์ไว้

 

แม้กระนั้น Vivo ก็ไม่ใช่หนังที่มีข้อเสียจำนวนมากอะไรขนาดนั้น ด้วยเหตุว่านับได้ว่าเป็นอีกรอบที่ โซนี่ พิคพบร์ส แอนิเมชั่น ทำเซอร์ไพรส์ให้ผู้ชมอีก แม้หนังจะมากับรายละเอียดรวมทั้งเรื่องราวแบบสูตรสำเร็จเดิมๆทายใจทางได้ง่าย ดำเนินตลอดไปอย่างไม่มีจุดแข็งอะไรมากแค่ไหนนัก แม้กระนั้นความมานะบากบั่นที่จะสร้างความเด่นจากเพลงรวมทั้งจังหวะดนตรีของหนังหัวข้อนี้ จัดว่า…เวิร์ค! หนังทำเป็นเสร็จดังที่หวัง

แน่ๆว่าพวกเรารู้ๆกันดีอยู่แล้วว่า หนังการ์ตูนขับร้องขับร้อง ที่มองเห็นเป็นประจำก็คงจะมีเพียงแค่สตูดิโอใหญ่ๆที่เดียวที่ชอบสร้างออกมา ค่ายอื่นไม่ค่อยกล้าเอาไปแข่งขันเท่าไร แม้กระนั้นประสิทธิภาพของ Vivo นั้น สามารถทำออกมาได้ดิบได้ดี เพลงหลายเพลงที่แต่งขึ้นมาเฉพาะใช้กับหนังประเด็นนี้ ฟังติดหูและก็น่าดึงดูดมากมายๆแน่ๆว่าเพราะเหตุว่าได้เจ้าพ่อมิวสิคัล “ลิน มานูเอล ไม่แรนดา” มาช่วยเขียนให้ขนาดนี้ ผลงานที่ออกมาก็เลยเป๊ะมากมายจริงๆ

ไม่ว่าจะเป็นเพลง “One Of A Kind”, “Mambo Cabana”, “Love’s Gonna Pick You Up” และก็ที่ติดหูสุดๆก็จะต้องชูให้ “My Own Drum” ที่จังหวะได้ กลิ่นเคป็อปโชยมา ทั้งยังเพลงต่างๆยังเพราะอีกทั้งเวอร์ชั่นต้นฉบับ รวมทั้งเวอร์ชั่นบรรยายเสียงไทยเลย ซึ่งภาพรวมแล้วนี่แปลงเป็นแอนิเมชั่นที่มีเพลงประกอบที่เด่นมากมายๆอีกหนึ่งเรื่องเลยก็ตาม (ถึงแม้บางทีอาจจะร้องตามยากไปหน่อย แต่ว่าพอเพียงฮัมจังหวะตามไปได้อยู่)

รีวิวหนัง Father Stu บาทหลวงกำปั้นเหล็ก ศรัทธา…เปลี่ยนคนห่วยเป็นบาทหลวง

หนังดราม่าเป็นแทรกสอดด้วยพลังความเลื่อมใสและก็สำหรับในการเปลี่ยนและก็ค้นหาชีวิต นี่เป็นหน้าที่การแสดงที่จัดว่าไม่เหมือนกันกับภาพเดิมๆของ “มาร์ค วอห์ลเบิร์ก”

ชายหนุ่มขาบู๊ที่แฟนคลับหนังรู้จักดีกัน เพราะเหตุว่านี่เป็น “Father Stu” หนังที่มาบอกถึงลำดับการเปลี่ยนของชีวิต จากจุดเปลี่ยนที่สำคัญจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่ง ที่ทำงานมอบแรงผลักดันกองโตส่งถึงผู้ชมโดยตรง

Father Stu เล่าราวของ สจ๊วต ทดลอง สมัยก่อนนักมวยชายหนุ่มที่ฝืนใจรามือเอาไว้เพราะว่าสุขภาพเกี่ยวกับร่างกายที่ไม่อำนวย เขาตกลงใจมุ่งหน้าเข้าเมืองใหญ่ เพื่อล่าฝันสำหรับในการเป็นดาราหนัง แต่ว่าเขาได้บังเอิญเจอกับหญิงสาวงามคนนี้ที่นำพาเขามาให้รู้จักกับชีวิตที่เต็มไปด้วยเชื่อถือในรั้วโบสถ์โรมันคาทอลิก รวมทั้งเมื่อเขารอดชีวิตมาได้อย่างปาฏิหาริย์จากอุบัติเหตุทางมอเตอร์ไซค์ เขาก็เลยเป็นจริงเป็นจังที่ต้องการจะเป็นนักบวช เผื่อเผยแพร่คำกล่าวอบรมสั่งสอนศาสนาแล้วก็ช่วยเหลือเยียวคนอื่น ถึงแม้คนบริเวณข้างเขาเกือบจะไม่มีผู้ใดเชื่อและก็เลื่อมใสในตัวเขาเลยก็ตาม

รีวิวหนังภาพหวาด

หนังประเด็นนี้ได้รับแรงดลใจมาจากความเป็นจริงของนักบวชท่านหนึ่งที่ได้สร้างพลังเลื่อมใสในกลุ่มผู้คนได้อย่างยิ่งใหญ่ โดยหนังสำเร็จการงานดูแลและก็เขียนบทของผู้กำกับหญิงดาวรุ่ง “โรซาลินด์ รอคอยส” ที่ประเด็นนี้ถือว่าเป็นผลงานการดูแลหนังใหญ่เรื่องแรกของคุณด้วย ซึ่งถือได้ว่าเป็นผลงานชิ้นแรกที่ออกมาได้ค่อนข้างจะน่าพึงพอใจ ถึงแม้ว่าสเกลของในคราวนี้จะค่อนข้างจะแบกรับในหลายๆส่วนประกอบไว้อย่างมากถ่วง คำตอบที่ออกมาทำให้หนังมองรุงรังไปสักนิดสักหน่อย กับการเล่าเรื่องที่ยังไม่ค่อยมีลักษณะเด่นแล้วก็จังหวะหนังที่ยังไม่ปลุกอารมณ์ซักเท่าไหร่

บางทีก็อาจจะจำต้องกล่าวว่า Father Stu เป็นหนังที่มีความเป็นคริสเตียนอยู่มากมาย โดยบางครั้งอาจจะไม่ใช่สอนศาสนาแบบคะ แต่ว่าก็แทรกสอดคติและก็เลื่อมใสต่างๆในศาสนาคริสต์เข้าไปตลอดทั้งเรื่อง แบบมิได้แออัดอะไรมากไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ว่าสิ่งที่หนังแทรกสอดเข้าไปนั้นกลับกลายข้อคิดเตือนใจในหลายๆประเด็นสำหรับในการดำรงชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งสายสัมพันธ์ระหว่างครอบครัว ที่ผ่านผู้แสดงสำคัญๆที่สะท้อนให้มีความคิดเห็นว่าปัญหาหลายชนิดจะผ่านไปได้ด้วยการทะนุถนอมกันและกัน

Father Stu บางทีก็อาจจะเป็นหนังที่ขาดความกระชับไปสักนิด หนังหัวข้อนี้ที่ลากยาวถึง 2 ชั่วโมงเต็ม ใช้เวลาปูเรื่องราวออกจะหน้าเกือบขว้างไปเป็นชั่วโมงแล้ว แล้วก็โน่นก็ย่อมซึ่งก็คือว่ากว่าหนังจะจุดเครื่องสตาร์ทติดขึ้นมาได้ ค่อนข้างจะทุลักทุเลพอได้ แม้ว่าหนังมีการปรับรายละเอียดและก็เล่าให้กระชับมากยิ่งขึ้นกว่านี้สักนิดหน่อย ตัดถอนดราม่าไม่มีความสำคัญหลายๆสิ่งที่ย้วยออกไปบ้าง ก็คงจะช่วยปรับตัวหนังมองไม่เชื่องช้ามากมายเท่านี้

กลุ่มดาราหนังหัวข้อนี้จัดว่าได้เบอร์ใหญ่ๆมาไม่น้อย มาร์ค วอห์ลเบิร์ก ที่ตอนๆข้างหลังเขาเริ่มมาจับบทหนังที่ท้ากับอาชีพตนเองมากเพิ่มขึ้น มิได้วนอยู่แม้กระนั้นหนังแอคชั่นเดิมๆหันมาเล่นหนังดราม่ามากเพิ่มขึ้น และก็หนังประเด็นนี้ก็นับว่าเขาได้โชว์ความสามารถทางการแสดงของตนเองได้อีกระดับ ถึงแม้หน้าที่และก็ติดอยู่แรกเตอร์ที่เขาได้รับนั้น บางทีอาจจะยังมิได้ถึงขนาดเพอร์เฟ็ค แม้กระนั้นเขาก็สามารถแบกรับหน้าที่ของตนในหนังหัวข้อนี้เอาไว้ได้อยู่มือ ตั้งแต่เริ่มจนกระทั่งฉากท้ายที่สุด ถึงการแสดงที่ออกมาจะยังไม่มีอะไรให้จำเท่าไร

เวลาที่หนังยังสมทบด้วยรุ่นใหญ่ “เมล กิ๊บสัน” กับ “แจ็คกี้ วีเวอร์” ที่แปลงเป็นผู้แสดงที่กว่าหนังจะมาให้ความเอาใจใส่ก็มาช่วงท้ายๆถูกปลดปล่อยปละไปอย่างโชคร้าย แต่พวกเขาก็ยังคงรับหน้าที่ของตนเองเอาไว้ได้ดิบได้ดีตามมาตรฐาน และก็มีส่วนช่วยพยุงหนังประเด็นนี้ไปในแนวทางที่หนังควรไป ถึงจะมิได้จุดอะไรก็แล้วแต่ที่ได้เฉิดฉันรวมทั้งปล่อยของทางการแสดงสักเท่าไหร่ แต่ว่าหน้าที่สมทบของพวกเขาก็ทำออกมาได้ถูกใจดี

ตกลงว่าโดยภาพรวมหนัง Father Stu ถือได้ว่าเป็นดราม่าที่แทรกสอดแง่คิดเลื่อมใสในคำสั่งสอนของศาสนาคริสต์ได้ค่อนข้างจะประทับใจในระดับหนึ่ง หนังบางทีก็อาจจะเกี่ยวพันกับข้อความสำคัญทางศาสนา ชาวคริสเตียนคงจะรู้สึกอินมากยิ่งกว่า แม้กระนั้นไม่ว่าจะเป็นคนศาสนาใดๆก็ตามก็สามารถดูหนังประเด็นนี้รวมทั้งสัมผัสชีวิตของเพศชายคนนี้ได้แจ่มแจ้งได้อย่างง่ายๆเช่นเดียวกัน นี่เป็นหนังดราม่าที่มีเนื้อความที่แจ่มกระจ่าง เพียงแต่ว่าการนำเสนอบางครั้งก็อาจจะไร้ซึ่งเสน่ห์ไปสักนิด การเล่าเรื่องที่แทบจะไม่มีคุณลักษณะเด่นจุดโดนมากสักเท่าไรนัก ทำให้เป็นหนังที่รสออกจะจืดชืดรวมทั้งฝาดในบางช่วง แม้กระนั้นท้ายที่สุดหนังก็ทิ้งไว้ด้วยแรงจูงใจดีๆราวกับที่ท่านนักบวชตั้งอกตั้งใจต้องการจะให้เป็น…