รีวิวหนัง End of the Road สุดปลายถนน เส้นทางชีวิตขรุขระระทึกของแม่ลูกและน้า

อย่ามาดูหมิ่นกับ..แม่! ถึงเวลามาเจอกับหนังทริลเลอร์ตื่นเต้นตามถนนหนทางสายโลกันต์ของครอบครัวที่กำลังกลายเป็นจุดมุ่งหมายเสี่ยงตาย

นี่เป็น “End of the Road สุดปลายถนนหนทาง” หนังอาชญากรรมสุดบีบคาดคั้นในเหตุการณ์ฉุกเฉิน แม้ว่าจะเป็นหนังที่เต็มไปด้วยสูตรสำเร็จซ้ำๆซากๆ แต่ว่าหนังก็ใส่เกียร์ไม่ยั้งรวมทั้งพุ่งออกสตาร์ทแรง ทำให้ผู้ชมลุ้นระทึกจิกเบาะได้อย่างเซอร์ไพรส์พอได้

End of the Road สุดปลายถนนหนทาง เกิดเรื่องราวการเดินทางย้ายบ้านแบบผ่านประเทศที่เปลี่ยนเป็นทางสายเมืองนรกของ เบรนด้า กับลูกๆอีกทั้ง 2 คน กับ เรจจักจี้ น้องชายของเบรนด้า ภายหลังไปพบมองเห็นเหตุการฆาตกรรมสุดโหดเหี้ยม ครอบครัวนี้ก็เลยกลายเป็นวัตถุประสงค์ของคนร้ายลึกลับ ขณะที่อยู่กันผู้เดียวท่ามกลางทะเลทรายในนิวเม็กซิโกแล้วก็ถูกตัดขาดการช่วยเหลือ เบรนด้าต้องหันมาเสี่ยงอันตรายสู้เพื่อป้องกันครอบครัวของคุณ

นี่เป็นงานของผู้กำกับหญิง “ไม่ลลิเซ็นต์ เชลตัน” ที่ถือได้ว่าผู้กำกับที่ชำนิชำนาญในแวดวงโทรทัศน์ซีรีส์มานานเป็นทศวรรษ คราวนี้ถือว่าเป็นการหวนคืนมาทำหนังเรื่องยาวอีกทีในรอบกว่า 20 ปีของคุณ โดยดูแลจากบทหนังของ “คริสโตเฟอร์ เจ. มัวร์” ที่ได้ “เดวิด ลูเฮย์” ที่เคยมีประสบการณ์เขียนหนังทริลเลอร์ชาวผิวสีมาเยอะ อย่าง Lakeview Terrace หรือ Obbsessed มาช่วยอบรมบทหนังให้

รีวิวหนังnetflix 2022

แน่ๆว่า End of the Road เป็นหนังทริลเลอร์โร้ดทริปที่มีสเกลสร้างออกมาเพื่อเสิร์ฟหน้าจอเล็กโดยยิ่งไปกว่านั้น อีกทั้งโปรดักชั่นและก็ส่วนประกอบงานสร้างต่างๆก็มองสเกลไม่ใหญ่นัก บทหนังก็แทบไม่มีอะไรแปลกใหม่ เล่าราวไปเรื่อยแม้ว่าจะซ้ำๆซากๆแต่ว่าก็ยังเป็นเค้าเรื่องที่เล่าได้บันเทิงใจแล้วก็เพลิดเพลินเจริญตลอดเวลาชั่วโมงเศษๆของหนังหัวข้อนี้ เป็นความคลีเช่ที่ยังเอ็นหน้าจอยอยู่ได้

หนึ่งในส่วนประกอบที่ทำให้ End of the Road มองได้บันเทิงใจขึ้นก็คือกลุ่มแคสติ้งดาราหนังของหนัง ที่พูดได้ว่า “ควีน ลาติเตียนฟาห์” เป็นนางหามที่พยุงหนังหัวข้อนี้เอาไว้ได้อย่างดีเยี่ยม แม้ว่าจะเป็นหน้าที่ที่มิได้แปลกใหม่สำหรับคุณ แต่ว่าการแสดงที่เป็นธรรมชาติในบทเชยแสนเชยของคุณก็นับว่าการแสดงของคุณช่วยสนับสนุนตัวหนังหัวข้อนี้ได้ค่อนข้างจะดี และก็เมื่อได้ “ลูดาคริส” มาช่วยสมทบ ในค้างแรกเตอร์ที่ค่อนข้างจะน่าเบื่อหน่ายสักนิด แต่ว่าทั้งสองก็ผนึกกำลังช่วยเหลือกันประคองหนังหัวข้อนี้ไปตลอดรอดฝั่งอยู่

โดยสรุปแล้ว End of the Road บางครั้งก็อาจจะดูได้ว่าเสมือนนั่งดูหนังทริลเลอร์เชยๆเมื่อตอนสมัยปี 2000s ส่วนประกอบของบทหนังค่อนข้างจะซ้ำจากจำเจไปหมด มีตัวละครที่น่าอารมณ์เสีย มีจังหวะลุ้นที่เดิมๆแม้กระนั้นเมื่อเอามาประกอบรวมๆเข้าด้วยกันแล้ว หนังก็ยังเพลินตามไปได้อย่างน่าแปลกใจ จำเป็นต้องขอบพระคุณกลุ่มผู้แสดงที่่ช่วยหามหนังหัวข้อนี้ออกมาได้น่าดึงดูดเพิ่มขึ้น ทั้งๆที่มันเกือบจะไม่มีอะไรใหม่เลยก็ตาม แต่ว่าก็ยังดีที่มันลุ้นระทึกแล้วก็บันเทิงใจตามไปได้อยู่

Laal Singh Chaddha – ช็อกโกแลตกล่องเก่าใส่ปานิปูรี อร่อยดีกินเพลินไปอีกแบบ

Laal Singh Chaddha จะเป็นยังไงเมื่อForest Gumpแปลงร่างเป็นหนังประเทศอินเดีย

Laal Singh Chaddha เล่นใหญ่เบอร์นี้ จะว่าอาจหาญก็ใช่นะครับ แม้กระนั้นมันก็เสี่ยงเช่นเดียวกันสำหรับในการเอางานคลาสสิกที่คนทั่วทั้งโลกรักมาแปลความหมายใหม่ในทางที่คิดไม่ถึงขนาดนี้ แถมยังคงใช้เวลานานถึง 20 ปีด้วยกว่าจะเริ่มสร้าง เพราะว่า 10 ปีแรก อตุล ระอุลคาร์นี (Atul Kulkarni) ผู้ดัดแปลงแก้ไขบทภาพยนตร์ ใช้เวลาปรับเปลี่ยนบทต้นฉบับที่เขียนโดย อีริก รอคอยธ (Eric Roth) ให้กับบริบท สังคม แล้วก็ประวัติศาสตร์การบ้านการเมืองประเทศอินเดีย แล้วก็อีก 10 ปีถัดมาสำหรับในการทำงานซื้อลิขสิทธิ์อีกทั้งจากสตูดิโอ พาราเมาต์ พิกพบร์ส (Paramount Pictures) และก็วรรณกรรมต้นฉบับ กว่าจะได้ถ่ายทำจริงก็ขว้างเข้าท้ายปี 2019 โดยได้ แอดแวต จันดาน (Advait Chandan) ผู้กำกับคู่ใจ อาภรรยาร์ ข่าน มารับหน้าที่ดูแลภาพยนตร์

‘Laal Singh Chaddha’ เล่าของ ‘ลาล สิงห์ จั๊ดด้า’ (Aamir Khan) ชายหนุ่มชาวซิกข์ที่มีความผิดธรรมดาทางด้านร่างกายรวมทั้งเชาวน์ ที่กำลังเดินทางโดยรถไฟกับกล่องของหวานปานิปูรี (นี่แหละกล่องช็อกโกแลตล่ะ) ในระหว่างเดินทาง ลาลได้เล่าชีวิตของตนให้ผู้โดยสารผู้อื่นได้ฟัง ตั้งแต่วัยเด็กที่เติบโตมาพร้อมกับแม่ ‘ข้าร์ปรีท’ (Mona Singh) รักแรกพบที่เขาอุทิศให้กับ ‘รูปา ดีซูซา’ (Kareena Kapoor) การได้เป็นส่วนหนึ่งส่วนใดของประวัติศาสตร์สังคมรวมทั้งการบ้านการเมืองประเทศอินเดีย รวมทั้งสิ่งที่เขาทำตลอดทั้งชีวิต ที่จะเปลี่ยนมาเป็นแรงจูงใจและก็ตั้งข้อซักถามเกี่ยวกับชีวิตให้ได้ขบคิดต่อ

รีวิวหนังผี netflix

แน่ๆว่าคนไม่ใช่น้อยบางทีอาจรู้สึกขยาดๆว่า บอลลีวูดจะเอาหนังฮอลลีวูดมายำใหม่ เล่าเองเอ้อเองกระทั่งรสสติไม่ดีเปรอะไปเลยหรือไม่ แม้กระนั้นเมื่อได้ดูแล้ว อันนี้คนเขียนก็จำเป็นต้องรับรองนะครับว่า ตัวหนังออกจะเคารพนับถือบทหนังต้นฉบับอยู่มากมายทีเดียว ยังเคารพนับถือเค้าเรื่อง จิตวิญญาณ แล้วก็กิมไม่กจากหนังต้นฉบับเอาไว้ได้แทบครบบริบรูณ์ เป็นหากคุณเป็นผู้ที่ดูหนังต้นฉบับมาแล้ว แทบไม่ต้องทายใจเลยว่าจะตัวหนังจะดำเนินเรื่องแล้วก็มีข้อสรุปเช่นไร เนื่องจากว่ามันก็มิได้ฟั่นเฟือนจากที่พวกเราเคยดูหนังต้นฉบับมาก่อนนั่นแหละขอรับ ดูแล้วเปรียบเทียบตามได้อย่างง่ายๆว่าผู้ใดกันแน่เป็นคนใด อะไรเป็นอะไร กิมไม่กไหนที่มีการแปลความหมาย เปลี่ยนแปลงจากหนังต้นฉบับ อันไหนเป็น Easter Egg จากหนังต้นฉบับ และก็อะไรที่ยังคงเอาไว้ดังเดิม

แต่ว่าแต่กระนั้น ตัวหนังก็มิได้ถึงกับรีเมกมาแบบช็อตต่อช็อตขนาดนั้น เนื่องจากตัวหนังเองก็ยังมีเรื่องมีราวราว แนวทาง รวมทั้งสไตล์แบบของตนอย่างเห็นได้ชัดครับผม เอาเข้าจริงๆตัวหนังเองคงจะมิได้จะตั้งตัวว่าจะขายความสดใหม่เชื้อเชิญว้าวอะไรขนาดนั้น แม้กระนั้นมันน่าดึงดูดตรงการทดลองเอาสูตรที่ดีมาเขย่าใหม่แล้วเสิร์ฟด้วยแนวทางแบบบอลลีวูดมากกว่า จุดหนึ่งที่ตัวหนังทำออกมาได้ดิบได้ดี นอกเหนือจากการอาจเอาไว้ซึ่งการสะท้อนหลักสำคัญเกี่ยวกับชีวิตแล้วก็การมองโลกก็คือ กิมไม่กการสะท้อนเรื่องราวประวัติศาสตร์ในอดีตกาล ซึ่งตัวหนังเลือกที่จะขยายออกมาเป็นดูดซึมพล็อต แล้วก็แทรกสอดบริบท วัฒนธรรม สังคม ประวัติศาสตร์ การบ้านการเมือง ศาสนา ความสนุกสนานของประเทศอินเดียลงไปคละเคล้าได้น่าดึงดูด คนใดกันแน่ทราบเกร็ดเหล่านี้ก็จะมองบันเทิงใจขึ้น แม้กระนั้นผู้ใดกันไม่ทราบก็ยังคงมองได้แบบไม่งงงันนัก

อีกจุดที่ต่างออกไปจากหนังต้นฉบับก็คือ การที่ตัวหนัง Dramatize เรื่องราว ใส่มุกขบขัน แอ็กชัน ดราม่า โรแมนติกที่เข้มข้นจัดจ้ากว่าหนังต้นฉบับนะครับ ซึ่งก็นับว่าเป็นไปตามแบบฉบับหนังบอลลีวูดนี่แหละ ที่ควรจะมีความสนุกสนานฉาบหน้าไว้ก่อน ซึ่งนับว่าทำเป็นดีเลยครับผม โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกมุกขบขันจังหวะแดนนรก หรือมุกล้อเลียนอะไรที่เกี่ยวกับอินเดียนี่เป็นฮามาก จังหวะดราม่าก็น้ำตารื้นแบบพอดิบพอดี แม้ว่าจะเล่นใหญ่ตามฉบับหนังประเทศอินเดีย แต่ว่าก็มิได้ถึงขนาดเวอร์วัง อยู่ในจังหวะแบบเรื่อยมาเรียงๆช้าเนิบแบบบอลลีวูด เป็นจังหวะขบขัน ตื่นเต้น ดราม่าแบบเพลิดเพลินๆมิได้ดึงฟีลบีบคั้นจนกระทั่งขั้นตับแตก

อีกสิ่งที่จัดว่าทำเป็นค่อนข้างจะดีเลยเป็นการแปลความนักแสดง ฟอเรสต์ กัมพ์ ครับผม ตัวของ ลาล สิงห์ จั๊ดด้า นั้นต่างกับ ฟอเรสต์ กัมพ์ ต้นฉบับของ ทอม แฮงก์ส ก็ตรงที่ตัวของลาลนั้นมีความเป็นเด็กมากยิ่งกว่า คิดสลับซับซ้อนน้อยกว่า คิดแล้วทำเลที่ตั้งย แน่ๆว่า ความเหมือนจริงในฐานะผู้ป่วยโรคออทิสติกบางทีอาจน้อยกว่าต้นฉบับ แต่ว่ามันก็อำนวยให้ อาภรรยาร์ ข่าน หยอดมุกหน้าเฉยแบบตรงไปตรงมาในสไตล์ของเขาเองเข้าไปเพิ่ม เพื่อใช้หามหนังทั้งยังเรื่องไปได้แบบตลอดรอดฝั่ง

แล้วก็ยังเอื้อให้ตัวหนังแทรกลายเซ็นของเขา มันก็คือการสะท้อนรวมทั้งจักจี้จุดข้อความสำคัญแย้งในสังคมของของชาวอินเดียลงไปในหนัง ทั้งยังหัวข้อความเชื่อถือ สังคม ความอยากได้ การบ้านการเมือง หรือแม้กระทั้งศาสนา (โดยยิ่งไปกว่านั้นศาสนาซิกข์ที่ลาลนับถือ) ได้อย่างน่าดึงดูด แล้วก็เป็นการเพิ่มความหมายใหม่ๆให้ตัวหนังมีความไม่เหมือนออกไปจากอันเก่าด้วย ถึงแม้บางทีก็อาจจะมิได้เอามาจักจี้จุดกันแบบเน้นย้ำๆเสมือน ‘3 Idiots’ (2009) และก็ ‘PK’ (2014) แต่เพียงเพียงนี้ก็เปลี่ยนเป็นเงื่อนให้หนังโดนกระแสบอยคอตในประเทศอินเดียไปแล้วเป็นระเบียบ

[รีวิว] JoJo’s Bizarre Adventure: หนัก+หน่วง

JoJo’s Bizarre Adventure หรือที่บ้านพวกเรารู้จักกันดีในชื่อ โจโจ้ ล่าผ่านศตวรรษ มังงะระดับตำนาน

ที่คอมังงะปลอดคนไหนไม่รู้แน่นอนด้วยความสนุกสนานจากพลังเหนือธรรมชาติที่เรียกว่า สแตนด์ ตัวร้ายสุดแสนมีเสน่ห์ และก็การต่อสู้ที่ไม่เพียงแค่แอ็คชันหนำใจ ยังมีการใช้กลยุทธหักเหลี่ยมดักทางกันอย่างฉลาดสุดๆปีนี้ได้มีการเอามาทำเป็นหนังคนแสดงโดยผู้กำกับสุดชั่วร้ายที่ข้างหลังๆถูกใจมาดัดแปลงมังงะเป็นหนังอย่าง ไม่อิเกะ ทาเคชิ ซึ่งมีอีกทั้งดีอีกทั้งเฟลคละเคล้าๆกันไป แม้กระนั้นเน้นในสไตล์ชั่วร้ายเลือดสาดเป็นเอกลักษณ์ขอรับ

เพียงพอมาหัวข้อนี้เวลาที่ ไม่อิเกะ รู้ดีว่าจะได้ควบคุม มึงถึงกับหลับไม่ลงไป 3 วันอย่างยิ่งจริงๆ เนื่องจากว่ามันอีกทั้งยากทั้งยังน่าเร้าใจสำหรับการได้ปรับเปลี่ยนมังงะที่มีคนติดตามมากมายและก็เรื่องราวน่าดึงดูดสุดๆอย่างงี้ งานนี้ยังได้ อีระ อิตารุ มือเขียนบทจากหนังสร้างชื่อของไม่อิเกะอย่าง Visitor Q (2001) มารับหน้าที่ปรับปรุงแก้ไขดัดแปลงมังงะภาคที่ 4 ในตอนชื่อ Diamond is Unbreakable มาเป็นหนังคนแสดง ซึ่งที่เลือกภาคนี้เนื่องจากคณะทำงานมองเห็นว่ามีพื้นฐานในประเทศประเทศญี่ปุ่นสูงที่สุด (ภาคอื่นๆมักกำเนิดในต่างแดน)

รีวิวหนัง ภาษาอังกฤษ

ซึ่งแม้ว่าจะเบื้องหลังจะกำเนิดในประเทศญี่ปุ่นแม้กระนั้นก็เป็นเมืองสมมุติหาดทรายที่ชื่อ โมริโอ อันเป็นเมืองที่มักเป็นเบื้องหลังในเรื่องโจโจ้หลายภาคร่วมกัน ซึ่งสิ่งแวดล้อมมันส่งให้แฟนตาซีมากมายเพราะว่าเสมือนเมืองฝรั่งมากยิ่งกว่าประเทศญี่ปุ่น เวลามองเห็นคนแต่งตัวแปลกๆหรือทำผมทรงแปลกๆพวกเราเลยรู้สึกยอมรับได้ราวหนึ่ง 555 (ก็มันโลกสมมุตินี่ โธ่)

ฟากฝั่งดาราจำต้องเห็นด้วยว่าดึงศิลปินดังๆที่ค้ำประกันความสามารถการแสดงมารวมตัวได้น่าดึงดูดขอรับ ทั้งยัง ยามาซากิ เคนโตะ, ติดอยู่ไม่กิ เรียวโนสุเกะ,มาซากิ โอคาดะ, แมคเคนยู,อิเซยะ ยูสุเกะ,โคมัตสึ นานะ แม้กระนั้นด้วยความเป็นภาคเกริ่นนำ ก็เลยทำให้บทของบางผู้แสดงยังมิได้มีพื้นที่ให้เล่นเท่าไรนักอย่าง นานะ ที่รับบทบาท ยูค้างโกะ หญิงสาวตัวหลักของภาคที่สะดุดตาในทุกซีนที่ออก แต่ว่าเรื่องก็ยังไม่เล่าอะไรบ้างที่อยู่ในส่วนคุณเท่าไรนักจนกระทั่งโชคร้าย ซึ่งที่ตรงนี้ยังมีผลถึงนักแสดงอีกหลายตัวที่จะมีหน้าที่จริงๆในภาคถัดไป มันเลยมองกั๊กๆพอควร ส่วนพวกตัวหลักก็นับว่ารับปัญหาหนังจากมังงะได้ดิบได้ดีขอรับ พากเพียรเป็นตัวละครแฟนตาซีก้าวหน้า ซึ่งก็ยากจะให้เรียลล่ะนะอย่างที่บอก เอาเพียงแค่ทรงผมพวกเราก็เชื่อยากแล้วว่าจะมีคนแบบงี้ในชีวิตจริง ฉะนั้นก็นับว่าเอาอย่างหน้าที่ก้าวหน้าแล้วนะครับ

ด้วยความกั๊กๆนี่ล่ะขอรับ เลยเปลี่ยนเป็นปัญหา เนื่องจากหนังจะต้องเลือกตัดตอนหนึ่งของมังงะภาค 4 นี้มาเล่า ส่วนตัวมีความรู้สึกว่าตัดตอนมาได้พอดิบพอดีเลยครับผม แถมมีการปรับรายละเอียดให้กระชับตัดนักแสดงเสริมแล้วก็เหตุการณ์ให้ง่ายดายมากยิ่งขึ้นด้วย โดยเล่าจบถึงข้อสรุปของตัวร้ายตัวแรกที่นำลูกศรเข้ามาสู่เมือง แล้วทิ้งเงื่อนตัวร้ายหลักจริงๆไว้ให้ติดตามต่อ แต่ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือการเล่าเรื่องไม่แม่นพอเพียงครับผม ว่ากันตามจริงเป็นมีตอนเหนียวหนืดเมื่อยล้า บอกมากมายเกินเหตุ แล้วก็ทิ้งเงียบมากเกินธรรมดาไปหลายฉาก ยิ่งฉากท้ายที่สุดร่ำรี้ร่ำไรสุดๆเป็นความยาวของหนังที่กำลังดีมีความคิดว่าตัดลงมาได้อีกสัก 20 นาทีเลยขอรับ

อีกหัวใจหลักที่มีความรู้สึกว่าหนังยังทำเป็นไม่ถึงฉบับมังงะ เป็นเสน่ห์ของปัญหา ความไม่รู้ ในมังงะความรู้ความเข้าใจของพลังพิเศษของแต่ละนักแสดงนี่จัดว่าเป็นความลับให้จำเป็นต้องงงงวย กระทั่งตัวนำเบาๆใช้ความมีไหวพริบกระทั่งหาพบว่าในความเป็นจริงแล้วความรู้ความเข้าใจนั้นเป็นอย่างไรกันแน่ แล้วก็ใช้การแก้เกมกลับอย่างเหนือชั้น โดยในหนังมีอย่างที่ว่านะครับ แม้กระนั้นไม่คมเพียงพอ จังหวะที่ต้องการเฉลยคำตอบผู้แสดงก็เปิดเผยความรู้ความเข้าใจตนเองมาชัดแจ้งเลย เวลาที่บางความรู้ความเข้าใจโดยยิ่งไปกว่านั้นของผู้แสดงนำชายพวกเราก็มีกรอบกฏเกณฑ์ที่มึนงงๆกำกวม อย่างว่าเพียงแค่สามารถซ่อมได้ หรือเปลี่ยนแปลงสสารใหม่ได้เลย ซึ่งเกิดขึ้นกับการจัดการตัวร้ายตัวหนึ่งในหนังขอรับ เป็นยังมีปัญหาสำหรับเพื่อการชี้แจงเรื่องพลังในเรื่องพอเหมาะพอควรขอรับ รวมทั้งมีความคิดว่าจะยิ่งคือปัญหาในภาคถัดไปแน่นอนเนื่องจากว่าพลังสแตนด์ของผู้แสดงบางตัวมันปรับปรุงเป็นร่าง 2 ร่าง 3 ได้ด้วย โน่นล่ะยิ่งงงเต็กหนักแน่นอน

รีวิวภาพยนตร์ Gonjiam : Haunted Asylum จิตเวช เขตอาถรรรพ์

หนังผีขึ้นชื่อลือชาของประเทศเกาหลีใต้ Gonjiam : Haunted Asylum ได้รับแรงดลใจจากข้อเท็จจริงที่เกิดสังกัดโรงหมอจิตเวชศาสตร์ร้างที่มีชื่อว่า กนจีอัม สถานที่สุดหลอน

ที่ถูกจัดลำดับจากเว็บข่าวสารโด่งดัง CNN ให้ยอดเยี่ยมใน 7 สถานที่สุดสยองขวัญที่สุดของโลก ตำนานของสถานที่ที่นี้ถูกกล่าวขวัญต่อกันมาว่ามันถูกผลิตขึ้นบนพื้นที่ที่ทหารประเทศญี่ปุ่นฆ่าไร้มนุษยธรรมชาวประเทศเกาหลีอย่างใจร้ายและก็นำศพมาฝังทิ้งเอาไว้ เนื่องจากว่ากลัวว่าเรื่องจะแดงขึ้นมา ก็เลยได้สร้างอาคารโรงหมอจิตเวชศาสตร์ขึ้นมานอนทับที่เพื่อปิดบังคดี เมื่อดำเนินกิจการไปได้ครู่หนึ่งก็เกิดเหตุราวแปลกขึ้น คนเจ็บราว 42 คนทยอยฆ่าตัวตายอย่างไม่รู้จักต้นสายปลายเหตุ วันหลังผู้อำนวยการโรงหมอที่เป็นหญิงก็ล่องหนไปอย่างปัญหา ว่ากันว่าคุณฆ่าคนป่วยรวมทั้งผู้คอฆ่าตัวตายตาม ไม่นานโรงหมอจิตเวชศาสตร์กนจีอัมก็ปิดตัวลง เหลือไว้แค่เพียงตำนานสยองขวัญที่ชาวประเทศเกาหลีเล่าต่อกันรุ่นสู่รุ่น….

รีวิวหนัง moonfall

จะกำเนิดอะไรขึ้นเมื่อตำนานหลอนนี้ได้ถูกปลุกขึ้นมาอีกรอบด้วยการการถ่ายทอดเรื่องราวออกมาในแบบภาพยนตร์ ซึ่งกล่าวถึงเรื่องราวของ เด็กมัธยม 2 ผู้ที่อัดคลิปล่าท้าทายผี โดยทั้งคู่ได้มุ่งหน้าไปยังห้อง 402 ของโรงหมอจิตเวชศาสตร์ร้างที่นี้ซึ่งไม่เคยมีผู้ใดกันย่างกรายเข้าไปมาก่อน ซึ่งเกิดเหตุไม่คิดขึ้นเมื่อเด็กทั้งคู่คนนี้ล่องหนไปอย่างลึกลับ เมื่อข่าวสารการล่องหนไปของเด็กทั้งคู่คนเลื่องลือไปทั่วทำให้ Horror Time รายการล่าท้าทายผีโด่งดังของประเทศเกาหลีใต้ที่กระจายเสียงสดบนสังคมออนไลน์ กำเนิดพึงพอใจรวมทั้งต้องการที่จะหาคำตอบกับสิ่งลึกลับหัวข้อนี้ รวมถึงสงสัยว่าด้านในห้องดังกล่าวข้างต้นที่เด็กมัธยมสองคนบากบั่นเปิดแต่ว่าในที่สุดแล้วหลังจากนั้นก็ล่องหนไปอย่างไร้ร่องรอยนั้นมันมีอะไรแอบซ่อนอยู่กันแน่ ฮาจุน (สวมบทบาทโดย วีฮาจุน) กัปตันของรายการก็เลยเปิดรับสมัครนักล่าผีจากทางบ้านมาร่วมสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเปิดประตูห้อง 402 แบบใหม่ๆเป็นครั้งแรกของประเทศเกาหลีใต้

วันลงพื้นแท้จริงใกล้เข้ามาทุกครั้ง สมาชิกกลุ่มล่าท้าทายผีอันประกอบไปด้วย จีฮยอน (รับบทบาทโดย พัคจีฮยอน) , อายอน (สวมบทโดย โออายอน) , ชาร์ล็อต (รับบทบาทโดย มุนเยวอน) , ซองฮุน (เล่นบทโดย พัคซองฮุน) , ซึงอุค (รับบทบาทโดย อีซึงอุค) และก็ แจยุยงน (รับบทบาทโดย ยูแจยุยงน) ก็พร้อมที่ออกตามหาเรื่องจริงเกี่ยวกับเรื่องราวลี้ลับทั้งสิ้นที่เกิดขึ้น ซึ่งพวกเขาวางเป้าผู้ชมการออกอาอากาศสดครั้งประวัติศาสตร์นี้ไว้ถึง 1 ล้านคน แล้วก็โน่นจะก่อให้ Horror Time ได้รับค่าใช้จ่ายสำหรับโฆษณาสูงขึ้นยิ่งกว่า 100 ล้านวอน แน่ๆว่าพวกเขาไม่สนใจอันตรายหรืออาถรรพณ์ใดๆก็ตามเลยทั้งนั้น ตอนที่พวกเขาก้าวเข้าไปในกนจีอัมพวกเขาไม่เคยรู้ด้วยว่าจะกำเนิดอะไรขึ้นอยู่กับชีวิตของตนนับถัดจากนี้…

Gonjiam : Haunted Asylum เล่าอย่างง่ายๆการพูดคุยกันของผู้แสดงเป็นบทสนทนาจริงในชีวิตประจำวันที่ผู้ชมสามารถสัมผัสได้ ผู้กำกับ ‘จองบอมชิก’ ใช้ 20 นาทีแรกของหนังไปกับการเล่าเรื่องตั้งแต่คลิปของเด็กมัธยมสองคนถูกเจอ ตำนานของโรงหมอกนจีอัมแบบโดยประมาณการหาสมาชิกล่าท้าทายผี จนกระทั่งการละลายความประพฤติปฏิบัติของกลุ่ม และก็จบท้ายด้วยการที่ดาราหนังเข้าไปเยี่ยมโรงหมอดังกล่าวมาแล้วข้างต้นในช่วงเวลาค่ำ ซึ่งก็ค่อนข้างจะง่วงนอนพอควร แม้กระนั้นรู้เรื่องได้ว่าเป็นการปูเรื่องให้รู้เรื่องติดอยู่แรกเตอร์ของผู้แสดงรวมถึงตัวสถานที่ซึ่งเป็นตัวเอกของเรื่อง

รีวิว Peaky Blinders จากอันธพาล สู่เส้นทางการเมือง

ซีปรี่ย์ดราม่าน่าดูจาก Netflix บอกได้คำเดียวว่าคอ Series หรือคนชอบดูหนังดราม่าอาชญากรรม ห้ามพลาด Peaky Blinders ทุกฤดูกาล เด็ดขาด!

อีกหนึ่งมหากาพย์ซีปรี่ย์ที่บอกเลยว่าถ้าหากเป็นคู่รักหนัง ถูกใจดูหนัง ต้องห้ามพลาดเลยจริงๆสำหรับ ซีปรี่ย์สายดาร์ค ในแนวอาชญากรรม, พีเรียด แล้วก็ดราม่า อย่างซีปรี่ย์ Peaky Blinders ซีปรี่ย์ที่มาในโทนโก้ๆในต้นแบบของ British Mafia พร้อมติดอยู่แร็คเตอร์มาดเข้ม จากช่อง BBC TWO (มีให้รับดูทาง Netflix) โดยในปีนี้ (2019) ก็ดำเนินมาถึง Season 5 ไปแล้ว โดยก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาทางผู้กำกับอย่าง Steven Knight ก็ได้เกริ่นให้แฟนคลับได้ทราบกันก่อนแล้วว่า ซีปรี่ย์โคตรเดือดหัวข้อนี้ จะจบลงที่ Season 6 เพียงแค่นั้น! ซึ่งก็นับได้ว่าการเดินเรื่องในฤดูกาล 5 จำเป็นจะต้องเร็วทันใจ แล้วก็มีการเริ่ม “ขมวดปม” ที่สลับซับซ้อนขึ้น แล้วก็เรื่องราวที่รุนแรงขึ้นอย่างแน่นอน

รีวิวหนังสนุกๆ

เกริ่นนำสำหรับใครกันแน่ที่ไม่ยังไม่เคยมอง Peaky Blinders เป็นซีปรี่ย์ที่ว่าด้วยเรื่องของพวกอันธพาลแก๊งค์หนึ่งในเมือง Birmingham “พีคกี้ ไบลน์เดอร์ส” ชื่อนี้ไม่ใช่ได้มาด้วยเหตุว่าโชคเข้าข้างอะไร แต่ว่าเป็นสมญานามที่รับการขนาดนามจากความกล้าหาญที่สมาชิกได้ไปก่อขึ้นครั้งแล้ครั้งเล่า ซึ่งก็คือการตำหนิดใบมีดโกนไว้ที่หมวกทรง “พีคกี้” ซึ่งเวลาสู้ แก๊งค์นี้ก็จะถอดหมวกที่แอบแฝงใบมีดไว้รอบๆขอบหมวก ออกมาเฉือนคอ สำหรับผู้แสดงนำ “ทอมมี่” หรือ “โธมัส เชลบี้” (แสดงนำโดย Cillian Murphy มั่นใจว่าคนชอบดูหนังหลายคนอาจรู้จักดีกันดี เพราะว่าพี่เอ็งเคยผ่านตามาจากภาพยนตร์ขึ้นหิ้งหลายๆเรื่อง อย่างเช่น Batman Begins ฯลฯ) แล้วก็เสริมความเถื่อนแบบจัดเต็มด้วยครอบครัวเชลบี้ มี พี่ชายคนโต “อาคุณร์” (Paul Anderson) น้องชาย “จอห์น” (Joe Cole) และก็อา “พอลลี่ เกรย์” (Helen McCrory) ซึ่งครอบครัวนี้มีธุรกิจหลักเป็นกระบวนการทำ “พนันม้า” และก็แน่ๆว่ายังเป็นอันธพาลผู้มีอำนาจในเบอร์มิงแฮม ที่มีทั้งคนรัก และก็คนเกลียดชัง

ก่อนหน้าที่ผ่านมา (ภาค 1-4) การเดินเรื่องของ Peaky Blinders จะไม่ย้ำเรื่องราวที่หยาบมากสักเท่าไรนัก แต่ว่าจะย้ำไปที่การเล่าเรื่องราวให้รอบคอบ ย้ำไปที่อารมณ์ของผู้แสดง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดที่ทำไว้เจริญเอามากๆทำให้ผู้ชมรู้สึกมีส่วนร่วม และก็รู้สึกตัวอีกครั้งก็จบฤดูกาลไปซะแล้ว! แม้กระนั้นสำหรับฤดูกาล 5 นั้นไม่ใช่เลย ด้วยเหตุว่าการปรับเรื่องราวให้มีความ “กระชับ” มากเพิ่มขึ้น ในเวลาเดียวกันก็สามารถปูรายละเอียดอื่นๆที่แทรกสอดเข้ามาได้อย่างเหมาะเจาะ มองไม่ขาดไหมเกิน

โดยผู้แสดงนำของเรื่องอย่างโทมัส เชลบี้ หัวหน้าแก๊งค์ Peaky Blinders ในฤดูกาล 5 นี้ จะเห็นได้ชัดว่ามีการเติบโต แล้วก็เป็นผู้ใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ จากครั้งก่อนเขาจะเป็นผู้ที่ถูกใจลงมือสะสางปัญหาต่างๆด้วยตัวเองดูเหมือนจะทั้งหมด แม้กระนั้นเมื่อโทมัสได้เลือกทาง “นักการเมือง” แล้ว การที่จะลงมาแก้ไขปัญหาต่างๆก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างเดิมเป็น เขาก็เลยจำเป็นต้องเลือกทำแบบ “ทำลดลง” แต่ว่า “คิดมากขึ้น” นั่นเอง ซึ่งพวกเราก็คิดว่าเป็นอีกหนึ่งความก้าวหน้าของนักแสดงที่มากขึ้น ทำให้การเดินเรื่องมีความเข้มข้นในด้านรายละเอียดมากขึ้นมาทันคราว

แม้กระทั่งมีการขมวดเรื่องราวให้มีความรวดเร็วขึ้น แม้กระนั้นรายละเอียด เรื่องต่างๆก็ยังคงเข้มข้นไม่เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเส้นเรื่องที่ยังคง “เดามิได้” ตามสไตล์ของ Series หัวข้อนี้ ที่บอกเลยว่าทำมาเจริญจริงๆอีกทั้งในด้านของการตัดต่อ เอฟเฟ็กต์ต่างๆการเล่าเรื่อง รวมไปจนกระทั่งการแสดงของผู้แสดง (โดยยิ่งไปกว่านั้นพี่สาว Polly) ที่โขมยซีนได้แทบทุกวินาทีที่พี่สาวมึงออกมา กล่าวได้ว่าเป็นซีปรี่ย์ที่มีส่วนประกอบครบสุดๆอีกเรื่องหนึ่งเลยล่ะ

Escape Plan แหกคุกมหาประลัย หนังแอคชั่นทริลเลอร์ที่น่าจดจำอีกเรื่อง

Escape Plan หนีออกจากคุกมหาประลัย เกิดเรื่องราวของ เรย์ เบรสลิน ผู้ที่มีความชำนาญในระบบรักษาความปลอดภัย

ผู้ออกแบบคุกทุกหย่อมหญ้าบนโลก แล้วก็ยังมีความชำนาญสำหรับเพื่อการเอาชีวิตรอดสูง แม้กระนั้นแล้วเขากลับถูกกล่าวโทษและก็ถูกจองจำไว้ภายใน “เดอะ ทูม” คุกชั้นเลิศที่เขาเป็นผู้ออกแบบเอง โดยในนี้เขาก็ได้เจอกับ ร็อดเมเยอร์ หัวหน้าของกรุ๊ปผู้ต้องขังในสถานที่ที่นี้ ในเวลาที่ เรย์ จะต้องร่วมมือกับ ร็อดเมเยอร์ เพื่อคิดแผนที่จะหนีออกจากคุก เขาก็จำต้องค้นหาว่าคนใดกันรวมทั้งเพราะเหตุไรตนเองถึงถูกกล่าวโทษอีกด้วย

รีวิวหนังnetflix 2022

นี่เป็นการมาปะทะกันของ “สิลเวสเตอร์ สตอลโลน” กับ “อาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์” ที่ถือว่าเป็นดาราขาบู๊ที่ปังเปรี้ยงในแวดวงฮอลลิวูดเคียงคู่กันมาเป็นทศวรรษ พวกเขาได้ได้โอกาสมาโคจรกันอย่างในหนังที่มี “มิคาเอล ฮาฟสระทม” เป็นผู้กำกับ กับเป็นหนังทุนสร้างไม่ใช่ปกติ เพราะเหตุว่าใช้ไปแทบ 70 ล้านเหรียญ ก่อนที่จะปัดกวาดเงินทั่วทั้งโลกไปได้ค่อนข้างจะน่าพึงพอใจราวๆ 140 ล้านเหรียญ ที่ทำให้หนังมีภาคต่อตามออกมา แม้ว่าจะเป็นหนังเกรดบีไปเสียหน่อย

ยิ่งไปกว่านี้ หนังยังมีกลุ่มดาราหนังสมทบอีกมาก ไม่ว่าจะเป็น “จิม คาวิเซล”, “ฟาราน ทาไฮ”, “เอมี่ ไรอัน”, “แซม นีลล์”, “วินเซนต์ ดีโอโนฟรีโอ” หรือ “ฟิฟตีเซนต์” โดยหนังได้กระแสข้อคิดเห็นที่พอใช้จากเหล่านักวิพากษ์วิจารณ์ มองเห็นได้จากคะแนนเฉลี่ยบนเว็บ Rotten Tomatoes ที่ได้คาบเส้นอยู่ที่ 50% จาก 107 เสียงของนักวิพากษ์วิจารณ์ ถือได้ว่าหนังแอคชั่นที่ฟอร์มดีมากยิ่งกว่าที่คาดเอาไว้ และก็วัดเสียงจากผู้ชมหน้าโรงภาพยนต์โดย CinemaScore ก็ยังตัดเกรด B+ ให้อีกด้วย

รีวิว Under Her Control ยืดยาวน่าเบื่อชั่วโมงครึ่งเพื่อให้ 10 นาทีสุดท้ายระทึกแบบไม่สมเหตุผล

Under Her Control หนังทริลเลอร์ Netflix จากประเทศสเปน (ชื่อเริ่มแรก La jefa)

เรื่องราวของสาวท้องไม่พร้อมมีลูกแล้วไปรับข้อเสนอจากนายสาวที่พร้อมรับผิดชอบดูแลคุณจนกระทั่งจะคลอดเพื่ออยากได้รับลูกของคุณ เรื่องราวที่ดูเหมือนจะพอดีดี แต่ว่าเปลี่ยนเป็นราวกับตารางกักขังคุณทั้งที่ยังไม่ตาย

โดยทั่วไปหนังของประเทศสเปนชอบมีมีดีอยู่เป็นประจำไม่มากมายก็น้อย แต่ว่าประเด็นนี้กลับทำเป็นน่าผิดหวังสุดๆกับการที่พล็โคนวางไว้เสมือนจะมีอะไรให้เล่นได้มาก แต่ว่าตัวเรื่องกลับเถลไถลไปซะแทบทั้งยังเรื่องกับการตั้งท้องของนางเอกไปวันๆเพียงแค่นั้น

หนังเริ่มจากนางเอกรักสนุกท้องกับแฟนแล้วมีลูกโดยไม่เจตนา แล้วจะต้องออกจากงานมีปัญหากับชีวิตหลายชนิดถ้าหากเด็กคลอดมา แล้วผู้ว่าจ้างสาวใหญ่ที่มีลูกมิได้ก็พึงพอใจยื่นข้อเสนอนำคุณมาดูแลในบ้านพร้อมลงนามรับผิดชอบค่าครองชีพทุกสิ่งทั้งปวงรวมทั้งมอบเงินทดแทนกับปรับเลื่อนฐานะให้ข้างหลังออกลูกอีก ทำให้คุณตกลงไปและแปลงเป็นราวกับข้ารับใช้ที่อยากได้กระทำตามตารางกิจกรรมคนท้องที่นายสั่งมาจนถึงคุณแสนอึดอัด แต่ว่าก็หนีมิได้เนื่องจากว่าไม่มีโทรศัพท์ใช้ รวมทั้งยังโดนจับตาดูทุกฝีก้าว และก็ข้อตกลงของคุณก็เป็นความลับมีเพียงแค่ไม่กี่คนทราบ ทำให้แฟนติดต่อมิได้ ก่อนที่จะเรื่องราวทั้งปวงจะระเบิดออกมาในช่วงท้าย

รีวิวหนัง

ตัวเรื่องเพียรพยายามปูเรื่องราวตอนท้องกับการตกเป็นขี้ข้าในคำสัญญาเป็นเวลานานมาก ซึ่งเอาจริงเอาจังๆบทนางเอกควรมองน่าสังเวช แต่ว่าหนังกลับทำให้นางราวกับดื้อดึงตั้งแต่วันแรกๆที่เข้ามาอยู่พร้อมเรียกร้องอะไรหลายแบบจนถึงผู้ชมบางครั้งอาจจะหมั่นไส้แทนที่จะเห็นที่คุณถูกป้อนตารางโปรแกรมชีวิตไว้อย่างเข้มงวด ซึ่งระหว่างนี้เรื่องก็ดำเนินไปอย่างช้าๆและใส่ความสนุกสนานอะไรมิได้เลย หนังมีแม้กระนั้นความเบื่อกับเรื่องราวชีวิตประจำวันของนางเอก ตราบจนกระทั่งมาถึงจุดเปลี่ยนแปลงอารมณ์ของเรื่องเอาตอนใกล้ๆจะจบแล้วในตอน 10 นาทีในที่สุด ที่เรื่องราวเปลี่ยนเป็นแนวตื่นเต้น แม้กระนั้นมันกลับไม่สมเหตุผลเป็นอย่างมากกระทั่งเชื่อไม่ลงว่า เจ้านายเพียงแค่ต้องการมีลูกของตนถึงจะต้องทำขนาดนี้ จะว่าโรคทางจิตแม้กระนั้นมันก็ไม่ใช่อยู่ๆว่าเรื่องจะเปลี่ยนแปลงทันทีมาเป็นอย่างนี้ได้โดยทันทีจากต้นเหตุเรื่องเล็กน้อยแค่นั้น

ตัวหนังอุตสาหะทำช่วงสุดท้ายให้มีการสู้กลับของนางเอก แต่ว่าเรื่องก็ยังดูแล้วไม่เคยทราบสึกเอาใจช่วยคุณเลย ถึงแม้คุณจะเป็นสาวท้องที่ธรรมดาก็คงจะมองน่าเห็นใจ แต่ว่ามันกลับมิได้อารมณ์ออกมาอย่างงั้น แปลงเป็นนางมองเห็นแก่ตัว มัวแต่อารมณ์ แม่ทางตัวนายจะร้าย แต่ว่าบทตอนนี้มันกลายเป็นนางเอกร้ายกว่าอีก ก่อนที่จะเรื่องจะจบลงแบบตัดจบไปเฉยๆก็รู้เรื่องล่ะว่าอาจหาทางออกเรื่องมิได้เลยจำเป็นต้องจบสั้นๆไปแบบงี้เลยดียิ่งกว่า

หนังมีฉาก SEX เอากันหลายฉาก แล้วนางเอกในเรื่องก็เปลืองตัวติดเรตจวนเจียนเกือบจะมีความรู้สึกว่าเป็นหนังอีโรติกเลยก็ได้ ซึ่งนี่บางครั้งอาจจะเป็นข้อเดียวมั้งของเรื่องที่คงเหลืออยู่สำหรับผู้ที่ถูกใจต้องการมองอะไรอย่างนี้นะ แต่ว่านางเอกก็มิได้งามอะไรมากมายหรอกครับผม

รีวิว Avatar ที่สุดของซีจี หนังตำนานที่สุดตลอดกาล

Avatar พูดได้ว่าขึ้นหิ้งเป็นตำนานนิรันดรอีกเรื่องหนึ่งที่คนไหนกันแน่ไม่เคยมองนับว่าพลาดมากมาย

เป็นหนังชนิดแอนิเมชัน ไซไฟ สุดระทึกใจด้วยกราฟฟิคที่ยอดเยี่ยม ภาพ แสงสว่าง สี เสียง ทุกส่วนประกอบเป็นเพอร์เฟ็คที่สุดของที่สุดซีจีอีกทั้งในเรื่องความสมจริงสมจังแล้วก็เรื่องราวที่เข้มข้นและก็น่าระทึกใจทำให้ได้รับรางวัลออสการ์สาขาถ่ายรูปดีที่สุดและก็แนวทางพิเศษดีเลิศกับรางวัลฯลฯ Avatar พูดได้ว่าเป็นหนังที่ยอดเยี่ยมชั่วกัลปวสาน ถึงแม้เวลาจะผ่านไปนานขนาดไหนก็ยังคงตรึงตาตรึงใจในทุกฉากอวตาร

โดยเรื่องราวเอ่ยถึงเกี่ยวกับมนุษย์ผู้มีความละโมบอยากได้ผลตอบแทนส่วนตัวมาถือครองรวมทั้งได้เก็บกองทัพคนแล้วก็นักวิทยาศาสตร์ เดินทางผ่านอวกาศมาที่ดาวแพนดอร่า โดยจำเป็นจะต้องจำแลงกายเป็นอวตาร หรือมนุษย์ดาวอื่นในดาวดวงนั้นเพื่อเข้าไปเอาแร่มากมายของตรงนั้นมาครองโดยส่ง เจค อดีตกาลนย.ชายหนุ่มดารานำชายของเรื่องที่เป็นอัมพาตครึ่งท่อนเข้าไปเป็นสายในหมู่บ้านของกสิกรวีเพื่อส่งข้อมูล

รีวิวหนังภาพหวาด

โดยกสิกรวีเป็นมนุษย์ดาวอื่นที่มีตัวสีฟ้า ดวงตาสีเหลือง มีร่างกายที่สูงใหญ่มากยิ่งกว่ามนุษย์โลก มีลักษณะแคล่วคล่องว่องประสาทรับรู้ดีเลิศ เป็นชนเผ่าที่ใช้ธนูเป็นอาวุธและก็ระแวดระวังตัวอย่างมาก แม้กระนั้นเมื่อเจคเข้าไปได้ทำความเข้าใจชีวิตของเกษตรกรวีกลับมีความรักและก็เผลอไผล ประทับใจ ผูกพันอย่างถ่องแท้กับชาวไร่ชาวนาวี ทำให้เขาจำต้องตกลงใจอย่างเหนื่อยยากสำหรับเพื่อการเลือกระหว่างหน้าที่กับกสิกร

ความน่าดึงดูดใจของAvatar เป็นซีจีที่ทุ่มทุนสร้างแล้วก็สมจริงสมจังที่สุด เป็นบทที่แปลกใหม่และก็น่าดึงดูดทำให้ผู้คนตื่นเต้นลุ้นตาม มีทั้งยังเรื่องราวของความรัก ครอบครัว เชื้อสาย ความผูกผันพูดได้ว่าที่ครบทุกรสอย่างยิ่งจริงๆ โดยผู้แสดงทุกผู้แสดงที่เล่นได้เหมือนจริงทุกหน้าที่ เรื่องราวเข้มข้นมีปัญหาที่ทำให้ผู้คนได้ลุ้นตาม พูดได้ว่าเป็นหนังที่เหมาะสมที่สุดที่ไม่สมควรพลาดอีกหัวข้อ ถ้าเกิดผู้ใดที่ยังมิได้มองจำต้องรีบไปพบมองกันแล้วนะคะ สามารถหารับดูเหมาะนี่

แรงไม่ยั้ง! “Hunt ล่าคนปลอมคน” ฟันรายได้ต่อเนื่อง ยอดคนดูทะลุ 3 ล้านคน

กลายเป็นอีกหนึ่งผลงานระดับมาสเตอร์พีซอีกประเด็นนี้ รวมทั้งถือได้ว่าเป็นการเดบิวต์ในฐานะผู้กำกับได้อย่างงดงามของผู้แสดงชายหนุ่ม “อีจองแจ” ที่ยังคงเป็นปีที่ปังในอาชีพของเขาอยู่ถัดไป

เนื่องจากว่า “Hunt ล่าคนเลียนแบบคน” ผลงานหนังแอคชั่นสุดซ้ำๆของเขา ยังคงยึดบัลลังก์แชมป์หนังที่ประเทศเกาหลีใต้เอาไว้ได้โดยตลอด พร้อมทั้งโกยรายได้และก็ยอดผู้ชมแบบฟินๆ

KOFIC ได้เผยจำนวนรายได้ของ Hunt ล่าคนเลียนแบบคน ในอาทิตย์ปัจจุบันที่เก็บเงินเพิ่มไปอีก 7.5 พันล้านวอน ที่ถือว่าน้อยลงไปจากการเปิดตัวเมื่อวีคก่อนแค่เพียง -35% เพียงแค่นั้น โดยปัจจุบันก็ฟันรายได้รวมไปได้แล้วกว่า 3.1 หมื่นล้านวอน นับว่ายังปังสุดๆพอได้

ไม่เพียงเท่านั้น Hunt ยังคงปัดกวาดยอดผู้ชมได้อย่างสม่ำเสมอ จากการสถิติการเก็บยอดปริมาณขายตั๋วหนังประเด็นนี้ เมื่อวันอาทิตย์ก่อนหน้านี้ (21 เดือนสิงหาคม) ก็สามารถทำยอดผู้ชมทะลุ 3 ล้านคนได้อย่างเป็นทางการ หรือคิดเป็นเพียงแค่ 124 ชั่วโมง ภายหลังจากการลงโรงฉายเพียงเท่านั้น ถือว่าเป็นอีกหนึ่งการบรรลุผลของหน่วยงานหนังประเทศเกาหลีในปีนี้

รีวิวหนังภาพหวาด

สำหรับ Hunt ล่าคนเลียนแบบคน เกิดเรื่องราวของ พัคพยองโฮ กับ คิมจองโด ต่างทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้ที่ประจำหน่วยรักษาความยั่งยืนและมั่นคงแห่งชาติ การทำงานในหน้าที่ของเขาออกจะมั่นคงแล้วก็ได้รับการยินยอมรับจากหลายข้าง แม้กระนั้นปรากฏว่าเหตุการณ์เปลี่ยน เมื่อมีสายประเทศเกาหลีเหนือแฝงด้วยเข้ามาที่ฝั่งประเทศเกาหลีใต้ ทำให้พวกเขาจะต้องเปิดฉายฟาดฟันและก็ค้นใส่ความจริงที่ซ่อนอยู่ว่ามันเป็นยังไงกันแน่?

อีจองแจ ที่รับหน้าที่เป็นผู้กำกับในหนังเรื่องแรกของเขา แล้วก็ยังร่วมนำแสดงในหัวข้อนี้ด้วย เกาะติดกับเพื่อนพ้องดาราสุดซี้ “จองอูซอง” โดยที่หนังหัวข้อนี้ได้นำไปเปิดตัวฉายที่เทศกาลหนังเมืองคานส์ปีปัจจุบันก่อนหน้าที่ผ่านมา รวมทั้งกำลังจะมีคิวลงโรงฉายที่ประเทศไทยในวันที่ 1 เดือนกันยายนนี้

แล้วก็เว้นแต่ Hunt แล้วนั้น บ็อกซ์สำนักงานประเทศเกาหลีก็ยังมีหนังประเทศเกาหลีอีกหัวข้อที่ยังเด่น มันก็คือ “Hansan: Rising Dragon” หนังภาคต่อที่ราวกับเป็นภาคต้นของหนังแอคชั่นการสู้รบโด่งดัง ที่ปัจจุบันยังยึดตำแหน่งรองแชมป์ได้อยู่ ภายหลังจากเข้าฉายมาได้ 4 อาทิตย์ ปัดกวาดเงินไปแล้วกว่า 6.8 หมื่นล้านวอน กับยอดผู้ชม 6.7 ล้านคน ตอนที่ “Emergency Declaration” หนังหายนะบนเรือบินของประเทศเกาหลี ที่นับว่าไม่ถูกฟอร์มในบ้านกำเนิดไปบางส่วน ปัจจุบันทำเงินไปแล้ว 2 หมื่นล้านวอน กับยอดผู้ชมที่พึ่งสัมผัส 2 ล้านคน

รีวิวหนัง Samaritan เมื่อคุณปู่แรมโบ้ อยากอัปเกรดเป็นซูเปอร์ฮีโร่สุดแกร่งดูบ้าง

Samaritan เกิดเรื่องราวของ แซม เด็กผู้ชายวัย 13 ปี ที่กำลังหมกมุ่นอยู่กับการหาตัวตนของซูเปอร์วีรบุรุษของเมืองแกรนิตสิตี้

ที่ถูกกล่าวขวัญถัดมากันยาวนานหลายปี อย่าง ซามาริทัน รวมทั้งเมื่อเขาได้พิจารณาแล้วก็เก็บแนวความคิดต่างๆก็พบว่า โจ สมิธ คนเก็บขยะวัยสูงอายุบ้านพักอยู่อะพาร์ตเมนต์ฝั่งตรงข้าม อยู่ในข่ายที่ทำให้แซมสงสัยว่าเขาคนนี้จะเป็นวีรบุรุษที่หายสาบสูญไปภายหลังเหตุการสิ้นไปเมื่อ 20 กว่าปีกลาย และก็ตอนนี้เมืองที่เริ่มเน่าเฟอะด้วยอาชญากรรมมากขึ้นแต่ละวันๆมันยิ่งส่งเสริมทำให้แซมมีแพสชั่นที่ต้องการจะปลุกพลังให้ ซามาริทัน กลับมาผงาดและก็จัดเตรียมเมืองนี้ให้สะอาดน่าอยู่เพิ่มขึ้น

นี่เป็นผลงานหนังชิ้นปัจจุบันของผู้กำกับชายหนุ่มไฟแรง “จูเลียส เอเวอปรี่” ที่เพิ่งจะแจ้งกำเนิดไปได้สวยงามกับหนังปังๆอย่าง Overlord เมื่อไปอีกปีกลาย ตอนนี้เขาได้มาจับจับทำหนังวีรบุรุษดูบ้าง แม้ว่าจะไม่ใช่หนังในจักรวาลซูเปอร์วีรบุรุษที่เปรี้ยงปังอยู่เดี๋ยวนี้ แม้กระนั้นก็ถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มที่ท้าของเขา รวมทั้งผลงานหัวข้อนี้เขาก็ทำออกมาได้ออกจะถูกใจในระดับหนึ่ง จัดว่าถ่ายทอดวิสัยทัศน์แล้วก็ใส่ลายเส้นความเป็นหนังแอคชั่นที่มีโทนหนักแน่นเด็ดขาดเข้าไปเป็นเอกลักษณ์ได้อยู่ ถึงหลายๆส่วนประกอบในนี้จะยังขาดหายไปพอเหมาะพอควรก็ตาม

รีวิวหนัง คู่กรรม

หนังประเด็นนี้ได้ “บรากี เอฟ. ชุต” มือเขียนบทมือแม่น ที่ก็พึ่งจะแจ้งเกิดขึ้นมาจากหนังชุด Escape Room ทั้งยัง 2 ภาคก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา ก็นับว่างานบทหนังของเขาออกมาได้ระดับที่ใช้ได้ ถึงบทแล้วก็เนื้อหาต่างๆจะออกจะตื้นไปสักนิด แต่ว่าการออกแบบรวมทั้งจับโยงประเด็ดนั้นเงื่อนโน่นเข้ามาใส่เอาไว้ร่วมกัน แทบจะทำออกมาเจริญ แค่เพียงยังคงไร้ซึ่งเสน่ห์ที่ยังไม่ค่อยสามารถทำให้นักแสดงต่างๆสะดุดตาขึ้นมาได้อย่างแจ่มชัดนัก แปลงเป็นบทหนังวีรบุรุษแบบง่ายๆเรื่อยแทบจะไม่มีอะไรเป็นลักษณะเด่นเลยเสียแล้ว

เป็นเอาจริงเอาจังๆถ้าเกิดให้ว่าตามตรงและก็จำเป็นต้องขอจับมาเปรียบเทียบกับจักรวาลหนังซูเปอร์วีรบุรุษในตอนนี้ Samaritan ก็ถือหนังวีรบุรุษที่นำเอาส่วนประกอบเด่นๆของหนังจากทางฝั่งมาร์เวลแล้วก็ดีซีมายำรวมผสมกันเป็นหม้อเดียว ที่รสบางครั้งอาจจะฝาดๆไม่ค่อยอร่อยถึงทรวงสักเท่าไหร่ แม้กระนั้นก็มองเห็นถึงกิมไม่กแล้วก็ความพากเพียรอย่างดีเยี่ยม หนังใส่โทนความดาร์กแล้วก็ดราม่าสไตล์หนังฝั่งดีซีเข้าไป มีการใช้เงื่อนอาชญากรรมหม่นหมองๆกับบรรยากาศอึมครึมเข้าไปใช้

รีวิวหนัง ความรัก

ในเวลาเดียวกันนั้น ก็จับเอาความสะดุดตาของวีรบุรุษบางตัวจากฝั่งมาร์เวลเข้าไปเป็นส่วนประกอบเสริมต่างๆให้กับนักแสดงซูเปอร์วีรบุรุษของหนัง ทั้งยังพื้นเพรวมทั้งพลังเหนือมนุษย์ต่างๆรวมถึงลีลาท่าทางการต่อสู้และก็อาวุธข้างกาย ก็แอบจะได้แรงจูงใจแล้วก็ใช้จินตนาการสำหรับในการประกอบรวมร่างกันเข้าไป พิจารณาออกมาเป็นวีรบุรุษที่ชื่อ ซามาริทัน ที่ถึงจะเสียดายที่หนังเรื่องนี้่นั้น พวกเรากลับยังไม่ทันได้ได้โอกาสได้ทำความรู้จักแล้วก็รู้จักมักคุ้นกับการเป็นตัวเขาผู้นี้สักเท่าไหร่ เพราะเหตุใดๆก็มองล้นและก็ค่อยค่อยงไปหมด

แน่ๆว่าอีกหนึ่งจุดอ่อนของ Samaritan ก็คงเป็นจังหวะการเล่าเรื่องที่ยังออกจะไม่มีเสน่ห์ไป หนังมีโทนความเป็นอาชญากรรมที่เพิ่มเติมใส่ร้ายเป็นเด็กเข้าไปผสม มันก็เลยกลายเป็นหนังที่คอนทราสกันเบาๆระหว่างส่วนประกอบคุ้นเคย ในเวลาเดียวกันนั้น โทนการเล่าเรื่องก็เกือบจะราบเรียบ ไม่มีแผนภูมิขึ้นลงให้รู้สึกตื่นเต้นได้มากแค่ไหน เดินเรื่องผ่านไปแทบจะเป็นชั่วโมง ก็ยังคงให้ความรู้ความเข้าใจสึกว่าหนังยังคงเล่าปูทางเกริ่นยังไม่จบ ทั้งๆที่ดำเนินเวลาผ่านไปกว่าครึ่งแล้ว และก็เมื่อถึงจุดไคลแมกซ์ของเรื่อง อะไรๆมันก็ตามเป็นสูตรสำเร็จที่รวบรัดตัดตอนอย่างยิ่ง ยังไม่ทำให้เกิดความรู้สึกดูดซึมอะไรสักเท่าไหร่

ส่วนทางด้านการแสดงนั้น อันนี้มิได้น่าห่วงอะไรเยอะแค่ไหนนัก สิลเวสเตอร์ สตอลโลน ก็คือ สิลเวสเตอร์ สตอลโลน แต่ว่าประเด็นนี้เขาก็อุตสาหะที่จะสลัดภาพคนแข็งแบบเดิมๆออกไป รวมทั้งนับว่าเขาก็ทำเป็นค่อนข้างจะประสบผลสำเร็จในระดับหนึ่ง ถึงจะมีกลิ่นความเป็นร็อกกี้รวมทั้งแรมโบ้ติดมาอยู่นิดนึง แต่ว่าอย่างต่ำๆการออกแบบการแสดงของเขาที่ใช้ดราม่าเข้ามาเสริมนั้น ก็แอบทำให้ผู้ชมจำเขาในหน้าที่ใหม่ที่เป็น ซามาริทัน นั่นเอง